รายงานพิเศษ EP#1 : ตำรวจ “เละเป็นโจ๊ก” 3 ปมเดิมพันเก้าอี้“ผบ.ตร.”

25 ก.ย. 2566 | 10:38 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2566 | 11:09 น.

ไม่ว่าผลการค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” จะออกมาในรูปใด อย่างน้อยสังคมได้เห็นร่องรอยของ “ไม่มีใครกลัวใคร ในองค์กรตำรวจ” ได้เห็นร่องรอยของความแค้น “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย” : รายงานพิเศษ EP#1 โดย...ต้นกล้า

นับเป็นปฏิบัติการฟ้าผ่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อตำรวจไซเบอร์นำหมายค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ซื้อไว้ให้ลูกน้องพักรวม 5 หลัง ภายในหมู่บ้านในซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ หลังพบมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์

ปฏิบัติการนี้สะท้านสะเทือนไปทั้งประเทศ ไม่เพียงเพราะ 1.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นนายตำรวจระดับสูง เป็นถึง รอง ผบ.ตร. และเป็น 1 ใน 4 ที่เป็นตัวเต็ง “ผบ.ตร.” ในอนาคตเท่านั้น

หากแต่ 2.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เป็นนายตำรวจเลือดนักสู้ที่โฉบเฉี่ยว เป็นแมว 9 ชีวิตที่มีประวัติการทำงานที่โลดโผน เส้นทางการทำงานที่รวดเร็ว ติดยศนายพลตำรวจตั้งแต่ปี 2555 ติดยศ พล.ต.ท. ปี 2561 ติดยศ พล.ต.อ. ปี 2566 “นับเป็นสตาร์ของบรรดาตำรวจไทย”

เหตุที่สะเทือนเพราะ 3.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบในคดีอุกฉกาจ จากกรณีลูกน้อง “กำนันนก” ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ “สาวัตรศิว” เสียชีวิต ระหว่างงานเลี้ยงภายในบ้าน “กำนันนก” เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน 2566 และดำเนินการสืบสวนขยายผลไปยังตำรวจและพลเรือนเกี่ยวข้องหลายสิบคน ที่เข้าไปร่วมรับส่วยและธุรกิจสีเทา จน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. โอนคดี ไปให้กองปราบปรามเป็นผู้ทำคดี เพราะเห็นว่าเป็นคดีผู้มีอิทธิพลและอุกฉกรรจ์ หมาดๆ

สังคมจึงตั้งคำถามในเรื่องของหน่วยงานนี้ที่เกี่ยวพันกับ หน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศราว 213,208 คน งบตำรวจเฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท เป็นหมวดเงินเดือนราว 115,527 ล้านบาท ว่า “รัฐตำรวจ” แห่งนี้ วิปริตดีแท้!

รัฐตำรวจที่ นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน กำลังพิจารณาตำแหน่งผู้นำองค์กรคนใหม่ในวันที่ 27 กันยายน 2566 นี้ คงจะต้องปฏิรูปกันครั้งใหญ่ เพราะภายในกำลังมี “การเมือง” จนนำมาซึ่ง “ใหญ่ฟัดใหญ่” จนอาจทำให้องค์กรพังพาบไปได้

ไม่ว่าผลการค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” จะออกมาในรูปใด อย่างน้อยสังคมได้เห็นร่องรอยของ “ไม่มีใครกลัวใคร ในองค์กรตำรวจ” ได้เห็นร่องรอยของความแค้น “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย”

การที่ตำรวจจะอ้างว่า “ไม่รู้ว่าบ้านใคร ไม่รู้ว่า บิ้กโจ้กจะพักในบ้านดังกล่าวมาก่อน” คงจะเป็นเพียงการปัดให้พ้นตัวเท่านั้น

เพราะในทางปฏิบัติการของตำรวจนั้น กว่าจะยกชุดออกบุกค้นบ้านใคร ผู้ร้ายคนได เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน สแกนเฝ้าระวังแอบแฝง ฝังตัวไว้ตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอยตั้งแต่ค่ำยันเช้าแล้ว

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากคำชี้แจงของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ชุดบุกค้น จนถึง ผบ.ตร.จะพบเห็นร่องรอยของความเกี่ยวโยงของความขัดแย้ง จนนำมาซึ่งการแก้แค้นในทางการเมืองในองค์กรกัน 3 ปมใหญ่  

อ่าน “รหัสนัย” ได้จากเหตุการณ์ดังนี้....ในเวลา 06.00 น. ของวันที่ 25 กันยายน 2566 “บิ๊กเต่า”-พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และ รรท. ผบก.ทล. สนธิกำลังกับตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) และชุดคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้น บ้านพัก 2 หลัง ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยบ้านของ บิ๊กโจ๊ก เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น เชื่อมติดต่อกัน 2 คูหา

หน้าบ้านมีรถจอดอยู่ 3 คัน ได้แก่ รถโตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน สงขลา, รถเลนซ์ โรเวอร์ สีเทา ทะเบียน กรุงเทพมหานคร และ รถเล็กซัส สีขาว ทะเบียน สงขลา…แสดงว่า รู้ว่าเป็นรถบิ๊กโจ้ก

ต่อมาเวลา 08.30 น. “บิ๊กเจี้ยบ”- พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเปิดประตูออกมาพูดคุย และให้เข้าไปตรวจค้นด้านในบ้าน โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นผู้นำค้นด้วยตัวเอง…นั่นแสดงว่ามีการพูดคุยกันภายใน

ขณะที่ เข้าค้นบ้าน บิ๊กโจ๊ก ศาลอาญาได้พิจารณาออกหมายจับตำรวจ และพลเรือนหลายนาย หนึ่งในนั้นมีนายตำรวจที่อยู่ในชุดทำงานของ บิ๊กโจ๊ก-รอง ผบ.ตร. โดนออกหมายจับด้วย…นั่นแสดงว่ามีเหตุเกี่ยวพันกับความผิดบางประการ

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนได้ปฏิบัติการได้ทำการเข้าตรวจค้นพื้นที่ต่างๆรวม 30 จุด จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลคดีจับคอลเซ็นเตอร์ และการพนันออนไลน์ ที่สปป.ลาว เป็นเครือข่ายใช้บัญชีผู้ต้องหาคดียาเสพติดและฟอกเงิน บ่อนออนไลน์ มีเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เชื่อมโยงการจ่ายเงินเข้าบัญชีตำรวจโดยตรง จำนวนหลายครั้ง มีข้าราชการเกี่ยวข้องจำนวนมาก

นับเป็นองค์กรที่ใหญ่ ที่ตำรวจ PCT อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน และศาลเชื่อในพยานหลักฐาน จึงออกหมายจับกระทำความผิดฐาน 3 กระทง

- ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือ ทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรง หรือ ทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือ เข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

- สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน

- กระทำผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน"

ขณะเดียวกันชุดสืบสวนตรวจได้ออกตรวจค้นอีก 6 พื้นที่ “ขอนแก่น-เลย-นครปฐม-สมุทรปราการ-พื้นที่กรุงเทพฯ” ซึ่งหลังจากค้นแล้วจะคุมตัวผู้ต้องหาในต่างจังหวัดมาที่ กองบิน 6 เพื่อมาสอบสวนต่อที่ บก.น. 5 ถนนสาทร กรุงเทพฯ

แน่นอนว่า ทั้งหมดเกี่ยวพันกับเครือข่าย “มินนี่” น.ส.สุชานันท์ หรือ ธนัยนันท์ หรือ มินนี่ และ “บอสตาล” พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก นักธุรกิจหนุ่ม ประธานสโมสร “ราชันโคขาว” ลำพูน วอริเออร์ ที่มีการยึดทรัพย์กันเป็นพันล้าน

คดีนี้ ในทางสอบสวนพบว่า มีผู้ได้เงินจากขบวนการนี้บางคนได้เงินไป 10 ล้านบาท บางคนมีเงินหมุนเวียนเข้าบัญชี 500-600 ล้านบาท

แล้วเกี่ยวพันอย่างไร EP#2 จะคลี่ปมให้หายคาใจ