“บิ๊กโจ๊ก”ร้องศาลอาญาไต่สวนละเมิดอำนาจศาลออกหมายค้นบ้านพัก

26 ก.ย. 2566 | 08:07 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ก.ย. 2566 | 08:22 น.

“บิ๊กโจ๊ก”ยื่นร้องศาลอาญาขอความเป็นธรรม ไต่สวนปมละเมิดอำนาจศาล ออกหมายค้นบ้านพัก ย้ำเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเมืองภายในสำนักงานตำวจแห่งชาติ มีคนสั่งการแน่นอน

วันนี้ (26 ก.ย.66) บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เดินทางไปยังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้พิจารณาและมีคำสั่งไต่สวนเรื่องการละเมิดอำนาจศาล กรณีการออกหมายค้นบ้านพักของตนเอง ย่าน ซอยวิภาวดี 60 เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งศาลอาญารับคำร้องไว้พิจารณา เพื่อมีคำสั่งต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การออกหมายค้นที่ไปค้นบ้านตน เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่า เป็นบ้านที่ตนพักอาศัยอยู่ แต่ผู้ที่ไปขอหมายไม่ได้บอกศาล แม้ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ของบ้านจะเป็นคนอื่น แต่เป็นญาติตน 

 

เหตุผลที่บอกว่าเป็นการขอหมายค้นบ้านเพื่อเข้าจับกุม สารวัตรนนท์ ตามหมายจับ ซึ่งสารวัตรนนท์เป็นนายตำรวจติดตามของตน อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าตนอาศัยอยู่บ้านนี้ หากศาลรู้ว่าเป็นบ้านของตน ศาลจะให้ความเป็นธรรม เพราะตนยังไม่มีคดีความ การที่ตนถูกออกหมายค้นบ้าน และถูกนำกำลังยกมาเข้าค้นเป็นโขยง ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง

รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ลูกน้องของตนที่ถูกออกหมายจับ ก็เตรียมที่จะไปยื่นขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ด้วย ว่า การออกหมายจับนั้นเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะในหมายจับไม่ได้ระบุยศตำรวจ ใส่เพียงคำนำหน้าชื่อเป็นนายทั้งหมด ทำให้ศาลไม่ทราบ 

“ที่ผ่านมาเวลาที่ผมทำงาน หากต้องไปขอหมายจับตำรวจ ก็ต้องระบุยศด้วย เพราะศาลจะให้ออกหมายเรียกก่อน หากไม่มาพบ จึงให้ออกหมายจับ เพราะตำรวจถือว่ามีถิ่นที่อยู่ที่ชัดเจน ไม่หลบหนี เป็นข้าราชการ แต่ในกรณีนี้ ที่มีการปกปิดซ่อนเร้น ถือว่าส่อพิรุธ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่จะไปร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนั้น เป็นเรื่องของการแจ้งความเท็จ ซึ่งขอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ยืนยันว่า ตนพร้อมรับการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบนั้นต้องเป็นธรรม ไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่เช่นนั้นก็ต้องมีการใช้สิทธิทางกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับตนเอง โดยหาก รอง ผบ.ตร. ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วประชาชนจะไปหาความเป็นธรรมได้จากที่ไหน

“เรื่องเส้นทางการเงิน ยืนยันว่าไม่ได้มีเส้นทางการเงินตรงเข้ามาที่ผม ทั้งหมดเป็นเรื่องของลูกน้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่ต้องตอบว่านำเงินไปทำอะไร มีการนำเงินไปเล่นพนัน หรือไปยุ่งเกี่ยวกับเว็บอะไรหรือไม่ หรือจะไปใช้บัญชีม้า ไปมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ มินนี่ ถือเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่ได้หมายความว่า พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว จะจับเชื่อมโยงมาที่ผมได้ ต้องมาถามให้ผมไปอธิบาย” บิ๊กโจ๊ก กล่าว

รอง ผบ.ตร. ระบุด้วยว่า เวลาที่ตนให้เงินลูกน้องไปทำงาน ที่เป็นส่วนเกินจากงบราชการลับที่มีไม่พอ ตนก็พร้อมนำเงินส่วนตัวมาทำงาน ซึ่งลูกน้องจะเอาไปหมุนยังไง ตนก็ไม่ทราบทั้งหมด แต่ให้คิดง่ายๆ ว่าถ้ารับเงินจากเว็บพนัน คงไม่ใช่เงินแค่หลัก 2-3 ล้านบาท 

“ที่ผ่านมาเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินโทษจำคุกกรณีที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว จึงต้องไปดูที่เจตนาว่าต้องการให้ผมเสียชื่อเสียงหรือไม่”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชี้แจงว่า สำหรับรองผู้กำกับคริษฐ์ ก็ทำงานอยู่กับตนมานานเหมือนเป็นเลขาฯ ในแต่ละเดือน ตนก็จะให้เงินไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆให้ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลแม่ซึ่งเงินจำนวน 2.8 ล้านบาท คือ ค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งปี ไม่ใช่แค่เดือนเดียว แต่จะมีการเอาเงินต้นไปหมุนจ่ายเอาไปเข้าเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงกับ มินนี่ ได้อย่างไร ตนไม่ทราบ แต่ถ้ารับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ ก็ต้องมีเส้นทางเงินตรงเข้ามาที่ตนเลย ซึ่งเรื่องนี้ก็รอที่จะสอบถามกับรองผู้กำกับคริษฐ์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัว

ส่วนประเด็นที่ปรากฏชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์บ้านทั้ง 5 หลัง คือ “เฮียแต๋ม” ซึ่งเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ที่ จ.อุดรธานี และพบว่า มีการโอนเงินมาจ่ายค่าส่วนกลางบ้านปีละ 142,000 บาทนั้น “เฮียแต๋ม” เป็นญาติสนิทของตน และเป็นเจ้าของบ้านทั้งหมด โดยเฮียแต๋มให้ตนเช่าบ้านอยู่ มีสัญญาเช่าชัดเจน ตนเช่าในราคา 50,000 บาท อาศัยอยู่ 2 หลัง ส่วนหลังที่เหลือใช้เก็บของ ด้วยความที่เป็นญาติกัน ตนจะจ่ายแพงกว่านี้ แต่ เฮียแต๋ม ก็ไม่เอา ซึ่งบ้านที่ตนอาศัยอยู่นี้ เคยให้การกับ ป.ป.ช.ไว้นานแล้ว และตนบริสุทธิ์ใจ เฮียแต๋มก็ไม่ใช่คนที่ทำผิดกฎหมาย ตนเป็นคนสงขลา จึงมาหาเช่าบ้านอยู่เพื่อความสะดวก

ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ จะออกมาแฉว่ามีทนายความชื่อดัง และนักข่าว เชื่อมโยงกับเครือข่ายพนันออนไลน์นี้ด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของทนายดัง และนักข่าว ไม่ได้เกี่ยวกับตนเอง เพราะอย่างที่บอกว่าไม่มีเส้นทางการเงินไหนโยงมาถึงตน

หลังจากนี้จะมีหลักฐานส่วนไหนที่เชื่อมโยงมาหาอีก แล้วมีการออกหมายจับ รวมถึงภรรยา แม่ และ น้องชาย ได้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้รู้สึกกังวลใจในส่วนนี้ เพราะสามารถชี้แจงได้หมด โดยเฉพาะแม่ของผมอายุเยอะมากแล้ว ท่านไม่รู้จักเรื่องการพนันออนไลน์อย่างแน่นอน” 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากถูกค้นบ้านเมื่อวานนี้ ตนได้มีการพูดคุยส่วนตัวกับ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.แล้ว ท่านบอกว่าก่อนหน้านี้เพียงได้รับรายงานว่า จะมีการตรวจค้น ซึ่งได้บอกกับผู้ที่รายงานว่าหากจะค้นก็ขอให้แจ้งก่อน แต่ตำรวจที่เข้าไปค้นนั้น กลับรายงานภายหลังจากตรวจค้นแล้ว นั่นหมายความว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ได้มาจาก ผบ.ตร. 

“ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร. คนใหม่หรือไม่นั้น ผมไม่ขอออกความคิดเห็น ให้สื่อมวลชนไปคิดกันเอาเอง แต่ยืนยันว่า จะขอดำเนินคดีทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ผมมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องมีคนสั่งการอย่างแน่นอน แต่จะเป็นคนภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่นั้น ขอตอบสั้นๆ เพียงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” รอง ผบ.ตร. กล่าว