ส่องคำสั่งประธาน กสทช. ตั้งลูกชาย "พิชัย นริพทะพันธุ์" นั่งโฆษกประจำตัว

27 ก.ย. 2566 | 19:13 น.

เปิดคำสั่งประธานกสทช. ตั้งทีมโฆษก พบ 1 ในนั้น คือ "พชร นริพทะพันธุ์ " ลูกชายของ "พิชัย นริพทะพันธุ์" อดีตรมว.พลังงานจากพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 มีการเผยแพร่คำสั่งประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ คือ "ศาสตราจารย์คลินิกสรณ บุญใบชัยพฤกษ์" 

เรื่อง มอบหมายการปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. จำนวน 3 คน เพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการประชาสัมพันธ์และสื่อสารของประธานกสทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นประโยชน์ในการกำกับดูแลสำนักงาน กสทช. 

โดยหนึ่งใน 3 ของทีมโฆษกนั้นคือ "นายพชร นริพทะพันธุ์" ลูกชายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.พลังงาน ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาของประธานกสทช.อยู่ก่อนแล้ว

นายพชร นริพทะพันธุ์

ซึ่งจากคำสั่งของประธานกสทช.ดังกล่าว มอบหมายให้นายพชร เป็นที่ปรึกษาประจำประธาน กสทช. ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำประธาน กสทช. ด้านเทคโนโลยี ต่างประเทศ พัฒนาธุรกิจ และนโยบายภาครัฐ รวมทั้งด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

ส่องประวัติ "พชร นริพทะพันธุ์"

พชร นริพทะพันธุ์ เกิดวันที่    30 กันยายน พ.ศ. 2528 ปัจจุบันอายุ 37 ปี เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจชาวไทย เคยเป็นกรรมการบริหารและคณะกรรมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ในชุดการบริหารงานของนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว 

นายพชร เป็นบุตรของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์

การศึกษา

พชร สำเร็จการศึกษา ที่ โรงเรียนอัสสัมชัญ ในระดับประถมศึกษา และระดับ Internartional Baccalaureate ที่ โรงเรียนนานาชาติ ดัลลิช จังหวัด ภูเก็ต ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตร์บัณฑิต ที่ University of Southern California ด้าน รัฐศาสตร์ กฎหมายและการเมืองระหว่างประเทศ

ต่อมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิทยาศาตร์มหาบัณฑิต ที่ Boston Universityด้านอาชญวิทยาและกระบวนการยุติธรรม

และสาขาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตจาก Columbia University ด้านการยุติความขัดแย้งและเจรจาต่อรอง และได้รับทุน CSC เพื่อศึกษาในระดับปริญญาเอกในสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ที่ Shanghai Jiao Tong University

 

การทำงาน

พชร เริ่มต้นฝึกงานที่ สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2545 กับ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น หลังจากนั้นได้ทำหน้าที่ผู้ติดตาม รองนายกรัฐมนตรี นายสุวิทย์ คุณกิตติ จนกระทั่งไปศึกษาต่อที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในปี พ.ศ. 2547 พชร เริ่มเข้าสู่การทำงานทางการเมืองอย่างเต็มตัวด้วยการเป็นเลขานุการนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และได้ลงไปปฎิบัติหน้าที่ส่วนหน้าในเขตภัยพิบัติสึนามิ

ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้บัญชาการศูนย์ภัยพิบัติส่วนหน้าพื้นที่ตะกั่วป่า ประจำที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า 

จากการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนั้นทำให้เขาได้รับ เครื่องราชย์อิสริยาภรณ์ เหรียญเงินดิเรกคุณาภรณ์ ในขณะมีอายุเพียง 19 ปี 

ในปี พ.ศ. 2551 หลังจากที่รัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการ รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ได้จัดเตรียมการเลือกตั้งทั่วไปหลังจากรัฐธรรมนูญปี 50 เสร็จสิ้น นายพชรได้รับตำแหน่ง รองโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ เป็นหัวหน้าพรรค

และต่อมาในรัฐบาลนาย สมัคร สุนทรเวช ได้ปฎิบัติหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในขณะนั้น โดยทำหน้าที่ในส่วนงานบริหารงานและส่งเสริม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI

หลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะในครั้งนั้น โดยมีมี นางสาว ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ปฎิบัติหน้าที่เป็น โฆษกกระทรวงพลังงานเคียงคู่บิดาของเขาคือนาย พิชัย นริพทะพันธุ์ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในตอนนั้น

ในการปฏิบัติงานในครั้งนั้นได้มีบทบาทสำคัญในฐานะโฆษกและในช่วงวิกฤต อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2554 ยังได้ทำหน้าที่ในการช่วยบริหารจัดการศูนย์ วิกฤติ น้ำท่วม กทม. เพื่อช่วยแก้ไขสถานการณ์ในครั้งนั้น

นายพชร นริพทะพันธุ์

หลังการรัฐประหารปี 2557

พชร ได้ผันตัวเองเป็น วิทยากรและผู้ฝึกสอน โดยทำงาน ร่วมกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สถาบัน พอยท์แมน ลีดเดอร์ชิฟ จากประเทศสหรัฐอเมริกา

และในประเทศไทยได้จัดสัมมนาเชิงวิชาการให้กับ นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นักศึกษาสถาบันป้องกันประเทศ ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น

ในปี พ.ศ. 2562 ทำงานในบทบาทคอมเมนเตเตอร์ ในรายการ ทูไนท์ ไทยแลนด์ ในช่อง วอยซ์ ทีวี กับ เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี ศลิษา ยุกตะนันท์ และ นิติธร สุรบัณฑิต และต่อมาในระหว่างการทำงาน ช่องวอยซ์ทีวี ได้รับคำสั่งปิดโดยรัฐบาล คสช.ด้วยเหตุผลจากการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล

ก่อนเลือกตั้งทั่วไปปี พ.ศ. 2562 พชร ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทย และ ร่วมเป็นสมาชิก พรรคไทยรักษาชาติ ที่มี ร้อยโท ปรีชาพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าพรรค โดยในขณะร่วมงานที่พรรค พชร พยายามสร้างการตื่นตัวด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ด้วย แคมเปญ "โค้ดประเทศไทย" หวังเปิดกว้างให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถช่วยกันปรับแก้ประเทศไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีการเขียนโค้ด ซึ่งได้รับต้นแบบมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา 

ซึ่งเป็นแคมเปญที่สำคัญของพรรคก่อนที่พรรคถูกคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยุบพรรคการเมืองในเวลาต่อมา

หลังการยุบ พรรคไทยรักษาชาติ พชร ได้สมัครเป็น สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในปี พ.ศ. 2564 และ เป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในปี พ.ศ. 2564 ในชุดนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นหัวหน้าพรรค

โดยทำหน้าที่ใน ทีมเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ก่อนจะลาออกเพื่อดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาประจำประธานกสทช ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการโทรทัศน์และโทรคมนาคมแห่งชาติ