วันนี้ (28 กันยายน 2566) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศขอส่งต่อเงินเดือน และเบี้ยประชุมของทุกเดือนที่ได้รับจากการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งการดำรงตำแหน่ง ให้มูลนิธิต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้เปราะบางที่ต้องการการช่วยเหลือ
“นายกฯ มีดำริว่า การให้ เป็นเรื่องที่ดี ตามแต่กำลังศรัทธาของแต่ละคน นายกฯจึงตั้งใจเริ่มที่ตัวเองก่อน ขณะที่รัฐบาลเองมีหลายนโยบายที่พยายามอย่างมากในการมุ่งสร้างประโยชน์สุข และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ทำให้เด็กที่มีความเสี่ยงหลุดออกจากระบบ ทั้งยังสามารถได้รับการศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง”
สำหรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทั้งหมด หลังจากได้รับมาแล้วรวมเป็นเงิน 125,590 บาทต่อเดือน (เงินเดือนตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท)
โดยนายกฯ ขอส่งต่อให้กับกลุ่มที่เปราะบาง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที แต่สิ่งที่ทดแทนไม่ได้ คือหน้าที่ของรัฐที่ต้องดำเนินการสนับสนุนมูลนิธิต่างๆ เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่งซึ่งทำได้เร็วกว่าการพึ่งระบบของรัฐที่ต้องใช้เวลา เพราะต้องอาศัยการทำผ่าน พรบ. ต่างๆ ตามกลไกของรัฐสภาในการดำเนินการเพียงอย่างเดียว
ส่วนการคัดเลือกองค์กรที่จะได้รับความช่วยเหลือนั้น จะมีทีมงานเป็นผู้กำหนดเกณฑ์ โดยครั้งแรกจะบริจาคให้กับ มูลนิธิเด็ก (FOUNDATION FOR CHILDREN) ช่วยเหลือเด็กด้านปัจจัยพื้นฐาน การดำเนินชีวิตและสวัสดิการต่าง ๆ ให้เด็กมีพัฒนาการที่เหมาะสมทางร่างกาย สติปัญญา และจิตใจ รวมถึงทางด้านการศึกษา ที่สามารถช่วยให้เด็กเข้าระบบการศึกษาได้อย่างถูกต้องต่อไป
“อย่างที่แจ้งไว้ การส่งต่อเงินเดือนเป็นเพียงแค่ส่วนแรก ซึ่งนายกฯ พยายามที่จะหาโอกาสไปพบปะพูดคุยกับองค์กรกลุ่มต่าง ๆ เพื่อรับฟังเสียง รับทราบถึงปัญหา และความเดือดร้อนของมูลนิธิที่กำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไป” โฆษกรัฐบาล ระบุ
ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้มีการดำเนินการในลักษณะที่คล้ายกัน แต่เป้นการมอบเงินเดือนนำเงินเดือนของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่ร่วมบริจาค รวมถึงทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำเงินเดือนที่บริจาคเข้าบัญชี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโควิด-19
ก่อนนำมาจัดทำ “ถุงกำลังใจ” เพื่อส่งมอบให้แก่กลุ่มเปราะบาง และยังมีภาคเอกชนและประชาชนได้บริจาคเพิ่มเติม เพื่อแสดงน้ำใจร่วมกับภาครัฐและนายกรัฐมนตรี ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยวิกฤตโควิด-19
โดย “ถุงกำลังใจ” ได้บรรจุเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิต อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง แอลกอฮอล์เจล หน้ากากอนามัย และยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร มอบให้แก่กลุ่มเปราะบางกว่า 6,800 ราย