ภายหลังการประชุม คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาวาระสำคัญแต่งตั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 แทน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ปรากฏว่าในที่ประชุมพบว่า เสียงข้างมาก เทคะแนนให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ขึ้น ผบ.ตร.คนใหม่นั้น
พล.ต.อ.วินัย ทองสอง หนึ่งใน ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยว่า ต้องยอมรับว่า รอง ผบ.ตร.ทั้ง 4 ท่านที่เป็นแคนดิเดตกันนั้น ถือว่าเป็นคนมีความรู้ความสามารถทั้งหมด แต่จำเป็นจะต้องเลือกคนที่ดีที่สุด ซึ่งก่อนการประชุมพิจารณานั้น ได้มีการไล่เรียงความเป็นผู้นำ เพราะคนที่จะมาเป็นผู้นำหน่วยนั้น ต้องเป็นคนที่ลูกน้องเชื่อมั่น ทำนอง “ใจถึงพึ่งได้”
พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ในที่ประชุม ทางนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามความคิดเห็นของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร.คนปัจจุบันด้วย ในฐานะที่ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และทำงานร่วมกันมากับ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 4 คน ได้มีการมอบหมายงานสำคัญๆ ในช่วงระยะเวลา 1 ปี ซึ่งทางท่านผบ.ตร.ไม่ได้บอกว่าใครบกพร่อง เป็นการให้ความเห็นที่จะนำไปสู่การตัดสินใจได้
“จริงๆ แล้วตามกฎหมายใหม่ ให้คำนึงถึงความเป็นอาวุโสด้วย แต่เป็นการให้น้ำหนักแบบครึ่งๆ ในประเด็นความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในการป้องกันปราบปรามมาพิจารณาด้วย ไม่ได้มีการกำหนดคะแนนเป็นตัวเลข แต่การคัดเลือกผู้นำในระดับ ผบ.ตร. นั้น กฎหมายได้เขียนไว้กว้างๆ ว่า จะต้องพิจารณาตามความรู้ ความสามารถ เรื่องนี้ได้มีพูดคุยกันใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง”
พล.ต.อ.วินัย เล่าอีกว่า ก่อนการพิจารณา ทางท่านนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามทางท่าน ผบ.ตร.ด้วย ซึ่ง ผบ.ตร.ได้เสนอชื่อให้พิจารณา พร้อมกับให้ข้อมูลว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาได้มอบหมายงานให้แต่ละท่านทำ แล้วผลที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าสำคัญ เพราะการเปลี่ยนผู้นำหน่วย การกำหนดทิศทางถือเป็นเรื่องสำคัญ
“ก่อนการประชุม ทางท่านนายกฯ ได้รเชิญ ก.ตร.ทุกท่าน พูดคุยนอกรอบกันก่อน เป็นการปรึกษาหารือ พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ เพราะบางเรื่องควรพูดคุยกันก่อน”
ส่วนที่อาจจะมีการฟ้องร้องตามหลังมานั้น พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่เชื่อว่าคณะกรรมการได้พิจารณาด้วยความเห็นที่ถูกต้อง ไม่ได้ข้ามใครเลย มีการนำมาพิจารณากันหมดทุกประเด็น เป็นการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย