ก้าวไกล คาดโทษ"สิริน" ขับ"เกรียงไกร"พ้นพรรค ปมคุกคามทางเพศ

12 ต.ค. 2566 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ต.ค. 2566 | 09:01 น.

"ก้าวไกล"คาดโทษวินัย"สิริน"ทำผิดอีกครั้งพ้นสมาชิกพรรค ส่วน"เกรียงไกร" ให้พ้นพรรคทันที ปม"คุกคามทางเพศ"ยันหาข้อยุติภายในต.ค.นี้ เดินหน้าปรับปรุงมาตรการป้องกัน-รับมือปัญหาคุกคามทางเพศ

วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.ในฐานะคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณสมาชิก พรรคก้าวไกล แถลงภาพรวมการสอบข้อเท็จจริง กรณีบุคลากรในพรรคตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในประเด็นคุกคามทางเพศหลายกรณี

โดย นายพริษฐ์ แถลงว่า ยอมรับพรรคกำลังมีปัญหาเรื่องการคุกคาม ความรุนแรงทางเพศ ต้องยอมรับ เผชิญหน้ากับปัญหา หาความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย ไม่สร้างวัฒนธรรมปกปิด ปกป้องคนในองค์กร ขอแถลง 3 ส่วน คือ

 

ส่วนที่ 1.บทสรุปข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ ได้ข้อสรุปจากบทลงโทษ มีมติจาก กก.บห.ไปแล้ว 2 กรณี คือ กรณี นายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล ใช้ความรุนเเรง กก.บห.ค้นพบว่าอนายสิริน ทะเลาะวิวาท กระทำความรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย มีการทำลายทรัพย์สิน ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมต่อผู้เสียหาย 

ป็นการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง มีมติให้ลงโทษ 2 ประการ คือ ตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค ไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่ง คาดโทษไว้หากทำผิดวินัยร้ายแรงอีกจะขับออกจากสมาชิกภาพ

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล

นายพริษฐ์ กล่าวว่า 2.กรณี นายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ (โฆษกหญิงของพรรคการเมืองหนึ่ง) กก.บห.พรรค ค้นพบว่าได้ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เสียหายจริง ละเมิดหลักเรื่องความยินยอม และสิทธิในเนื้อตัวและร่างกายของผู้เสียหายอย่างชัดเจน ขัดต่ออุดมการณ์ ผิดวินัยพรรคร้ายแรง

จึงมีมติให้ขับนายเกรียงไกรออกจากสมาชิกภาพทันที พรรคต้องขอโทษผู้เสียหายทั้ง 2 ท่าน แม้คำขอโทษจะไม่เพียงพอต่อการย้อนคืนความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นต่อทั้งร่างกาย และสภาพจิตใจ


 ส่วนที่ 2.ข้อกล่าวหา ที่ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน มี 2 กรณี 1.เรื่อง นายวุฒิพงษ์ ทองเหลา ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล คุกคามทางเพศ พรรคยืนยัน เราต้องการให้ข้อกล่าวหานี้มีข้อยุติโดยเร็วที่สุด ณ เวลานี้ มีข้อเท็จจริงเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการวินัยฯ สอบพยานหลักฐานเพิ่มเติมทุกฝ่ายให้ครบถ้วน เพื่อหาข้อสรุปทั้งหมด ทั้งข้อสรุปว่าเป็นความผิดหรือไม่

และหากผิด จะผิดร้ายแรงระดับไหน กระบวนการสอบข้อเท็จจริงและการวินิจฉัยจะได้ข้อสรุปภายใน ต.ค.นี้ จะสื่อสารผลสรุปต่อสาธารณะทันทีอย่างเปิดเผย กรณีที่ 2 (ซึ่งไม่ปรากฏในสื่อสาธารณะ) ข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศโดย ส.ส.อีก 1 คน
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายวุฒิพงศ์ ออกมาโพสต์คลิปชี้แจงอ้างว่าเป็นการดิสเครดิต น.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า เรื่องนี้เข้ามากลางเดือน ก.ค.ในช่วงแรกเหมือนจะเป็นการดิสเครดิต ก่อนจะมีเรื่องการคุกคามทางเพศเข้ามาด้วย จึงดูเหมือนมีการโยงหลายเรื่องรวมกัน ทำให้การพิจารณายากขึ้นไปอีก จึงต้องแยกส่วนกัน

ทั้งเรื่องคุกคามทางเพศและทางการเมือง ซึ่งคณะกรรมการวินัยที่ตั้งมาเฉพาะกิจจะพิจารณาเรื่องการคุกคามทางเพศเป็นหลัก ทั้งเรื่อง Consent และ Power Dynamics ที่จะต้องเอามาพิจารณาในการตัดสินหรือกำหนดบทลงโทษทางวินัยกับผู้กระทำความผิด

น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล

เมื่อถามว่า จะดิสเครดิตได้อย่างไรในเมื่อผู้เสียทำงานกับพรรค นายพริษฐ์ กล่าวว่า ที่ยังต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการตรวจสอบ ไม่ใช่แค่ต้องการข้อสรุปว่าผิดหรือไม่ผิด หากผิดจะร้ายแรงขนาดไหน เพื่อให้การลงโทษเป็นไปตามสัดส่วนของความผิด ส่วนข้อมูลที่นายวุฒิพงศ์แถลง ต้องย้ำว่าเป็นชุดคำอธิบายของนายวุฒิพงศ์ ที่ต้องมีการพิสูจน์ก่อนว่าจริงหรือไม่

ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่นายวุฒิพงศ์กล่าวอ้าง ในกระบวนการสอบสวนก็ให้เวลาในการหาพยานมารองรับ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนเรื่องการคุกคามทางเพศ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นแชตแบบไหน ก็ต้องเวลากับคณะกรรมการทั้งหมดที่จะต้องพิสูจน์พยานหลักฐานด้วย

เมื่อถามถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรคก้าวไกลตอบสนองค่อนข้างเร็วในการตรวจสอบพรรคอื่น แต่เมื่อเป็นเรื่องภายในพรรคกลับล่าช้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนน้อมรับคำวิจารณ์ และเราเห็นด้วยกับหลักการว่าเวลาเราเรียกร้องมาตรฐานที่ดีขึ้นจากสังคม ก็ต้องเรียกร้องมาตรฐานนั้นกับตนเองด้วย แต่ละกรณีมีระยะเวลาในการดำเนินการแตกต่างกัน รวมถึงการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป

ยืนยันว่าไม่เคยมีเจตนาที่จะทำให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติล่าช้า จึงทำเต็มที่ให้ได้ข้อยุติเร็วที่สุด ตอนนี้อยู่ในขั้นตรวจสอบพยานหลักฐานเพิ่มเติม แต่กรรมการบริหารพรรคยืนยันว่าจะให้มีข้อสรุปได้ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งคำวิพากษ์วิจารณ์ก็ถูกนำมาพิจารณาประกอบการปรับปรุงกระบวนการในอนาคต

เมื่อถามว่า พรรคชูเรื่องความเท่าเทียมมาตลอด แต่กลับมีประเด็นนี้ น.ส.ศศินันท์ ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนใจของ ส.ส.หญิงของพรรค เพราะเรายืนยันเรื่องนี้มาโดยตลอด เราอภิปรายเรื่องความรุนแรงในครอบครัว เรื่องเด็ก สตรี เป็นความจริงที่น่ากระอักกระอ่วนใจ ที่เราต้องตอบสังคมให้ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้