นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีความเคลื่อนไหวหลังการอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีเกี่ยวกับการยกเลิกหรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยเป็นการล้มล้างการปกครองโดยขอเรียกร้องให้หยุดการแสดงความคิดเห็นที่มีลักษณะเป็นการให้ร้ายโจมตีศาลรัฐธรรมนูญ
ซึ่งพบว่าในสื่อสังคมออนไลน์มีการโพสต์ข้อความในลักษณะการปลุกปั่นในลักษณะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนี่คือหลักการพื้นฐานในการเคารพกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย แน่นอนมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ มีทั้งคนชนะและคนที่แพ้คดี แต่ทุกคนต้องน้อมรับคำตัดสินของศาล ไม่เช่นนั้นหลักการของบ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้
พร้อมยกตัวอย่างถึงคดีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชนะได้กลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ก็โห่ร้องไชโย พออีกคดีพรรคก้าวไกลแพ้ มีมวลชนโดยเฉพาะในสังคมออนไลน์กลับด่าทอโจมตีศาลรัฐธรรมนูญอย่างเสียหาย เพราะฉะนั้น แกนนำต้องอธิบายมวลชนให้เข้าใจอย่าส่งเสริมให้ท้าย
อย่างไรก็ดี ต้องเรียนว่าคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ศาลไม่ได้เริ่มต้น ตั้งต้น หรือนั่งปั้นแต่งข้อเท็จจริง แต่เกิดขึ้นจากการมีผู้มาร้อง ศาลพิจารณาตามข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ผู้ถูกร้องมีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง นำพยานหลักฐานต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่
การโดนโจมตีให้ร้ายย่อมไม่เป็นธรรมต่อศาลรัฐธรรมนูญ บ้านเมืองหากไม่ยอมรับกระบวนการก็จะมีแต่ความขัดแย้งไม่จบสิ้น การวิจารณ์คำวินิจฉัยสามารถทำได้ แต่จะต้องกระทำโดยสุจริต และที่สำคัญต้องไม่ใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย เสียดสี โจมตีด้วยข้อมูลที่บิดเบือน ระวังหากวิจารณ์ในลักษณะละเมิดศาลก็จะถูกดำเนินคดี