จากกรณีที่ศาลเเขวงปทุมวันสั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 20,200บาท จำเลย 8 คน แต่รอลงอาญา 2 ปี ในความผิด ตามพ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯจากการร่วมชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562
ซึ่งจำเลย 8 รายประกอบด้วย น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ ,นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ,นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนาย ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร
ภายหลังเข้าฟังคำพิพากษา นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า คดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมเทียบเคียง กับคดีปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีผลกระทบจำนวนมาก และเป็นความผิดชัดเจน แต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท
ส่วนคดีการชุมนุมของ แฟลชม็อบ เป็นการชุมนุมใช้ระยะเวลาไม่นานหลังเลิกชุมนุมก็มีการช่วยกันเก็บขยะ ศาลใช้ระยะเวลาอ่านคำพิพากษานานกว่าการชุมนุมดังกล่าว สุดท้าย ถูกจำคุกถึง 4 เดือนปรับ 20,200 บาท เป็นเหตุผลที่จะต้องอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากจะฝากให้พักก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาต่อไป
ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า จากการหารือกับจำเลยคนอื่น ว่า จะ ต้องยื่นอุทธรณ์คดีเพราะมีประเด็น ข้อเท็จจริงเรื่องของระยะของการชุมนุม ใกล้เขตพระราชฐาน ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของ 150 เมตรว่าวัดจากจุดไหน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่นๆ พร้อมระบุว่าการที่ศาลตัดสินในลักษณะนี้ ไม่ทำให้พระก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในข้อเท็จจริง ตนเองอยากโฟกัสเรื่องงานเพราะสัปดาห์หน้าจะไปสภาอภิปรายเรื่องของปัญหาการประมง