ด่วน ศาลสั่งจำคุก ธนาธร-พิธา-ปิยบุตร-ช่อ และพวก8ราย คดีแฟลชม็อบรอลงอาญา 2 ปี

05 ก.พ. 2567 | 04:41 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.พ. 2567 | 09:15 น.

ด่วน ศาลเเขวงปทุมวัน สั่งคุก 4 เดือน ธนาธร-พิธา-พริษฐ์-ปิยบุตร-พรรณิการ์  และพวกรวม 8 ราย คดีแฟลชม็อบบน Sky walk ปี 62 ปรับ 20,200 บาท รอลงอาญา 2 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้(5ก.พ.67) ศาลแขวงปทุมวัน ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 767/2563ที่ พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยรวม 8 ราย ร่วมในการชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก(Sky walk) สี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 

โดยจำเลย 8 รายที่ ถูกยื่นฟ้องประกอบด้วย

1.น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา 2.นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ 3. นายธนวัฒน์ วงค์ไชย 4.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

5.นายปิยบุตร แสงกนกกุล 6.น.ส.พรรณิการ์ วานิช 7.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ8.นาย ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร 

ด่วน ศาลสั่งจำคุก ธนาธร-พิธา-ปิยบุตร-ช่อ และพวก8ราย คดีแฟลชม็อบรอลงอาญา 2 ปี

เป็นจำเลย1-8 ในความผิด ตามพ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ

  • ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
  • ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวังฯ
  • ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ
  • ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ
  • ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นที่ชุมนุม หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงจะคาดหมายได้ฯ
  • พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

ด่วน ศาลสั่งจำคุก ธนาธร-พิธา-ปิยบุตร-ช่อ และพวก8ราย คดีแฟลชม็อบรอลงอาญา 2 ปี

 

โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  เมื่อจำเลยประกาศ เชิญชวนผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมผ่าน Facebook และทวิตเตอร์  ของกลุ่มจำเลย เอง ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหากประกาศโพสต์เชิญชวนจะต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุม จำนวนมาก ดังนั้นจำเลยจึงเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ

ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบต่อการชุมนุมไม่ให้กีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อระบบขนส่งสาธารณะและการชุมนุมอยู่ในเขตพระราชฐาน ใกล้กับพระราชวังสระปทุมฯในระยะ 150 เมตร พิพากษาจำคุก จำเลยทั้ง8 จำนวน 4 เดือนปรับ 10,000 บาท เมื่อพิเคราะห์อายุประวัติสถานะทางสังคมความมีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและการชุมนุมเป็นการแสดงออกแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงเห็นควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี 

ส่วนกรณีที่จำเลยไม่แจ้งการชุมนุมและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ปรับพินัย  ศาลสั่งปรับ 20,200 บาท

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความ กล่าวภายหลังศาลพิพากษาว่า จำเลยยังติดใจในประเด็นเรื่องของระยะ 150 เมตรของเขตมาตรฐานว่าวัดจากจุดไหน  ซึ่งพฤติการณ์ ดังกล่าวมีการ เทียบเคียงกับคดีอื่น ที่มีการชุมนุมสถานที่เดียวกัน จุดเดียวกัน ซึ่งศาลอาญากรุงเทพฯใต้เคยมีคำพิพากษายกฟ้องข้อหาชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในระยะ 150 เมตร ทั้งที่เป็นการชุมนุมจุดเดียว

อีกทั้งในประเด็นเรื่องของการไม่แจ้งการชุมนุมต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่  ศาลแขวงจังหวัดเชียงรายเคยมีคำวินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเพียงแต่ต้องแจ้ง พนักงานสอบสวนให้ทราบเท่านั้น แต่หากมีการโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ถือว่าเจ้าหน้าที่รับรู้แล้ว ซึ่งคดีนี้ตำรวจรับรู้ ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2562 แล้วว่ามีการชุมนุม เนื่องจากจำเลยมีการโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์  และความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะทนายคิดว่าจำเลยควรที่จะอุทธรณ์คดี เรื่องนี้ไม่ต้องการเอาชนะ เเต่ต้องการความจริง ตนเคารพคำพิพากษาศาลเเต่เคารพข้อเท็จจริงมากกว่า ส่วนอัยการจะอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักกว่าเดิมหรือไม่ต้องถามทางอัยการ 

ส่วนนายพิธา กล่าวว่า จากการหารือกับจำเลยคนอื่น ว่า จะ ต้องยื่นอุทธรณ์คดีเพราะมีประเด็น ข้อเท็จจริงเรื่องของระยะของการชุมนุม ใกล้เขตพระราชฐาน ว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของ 150 เมตรว่าวัดจากจุดไหน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานกับคดีอื่นๆ  พร้อมระบุว่าการที่ศาลตัดสินในลักษณะนี้ ไม่ทำให้พระก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เนื่องจากประชาชนมีความเข้าใจในข้อเท็จจริง ตนเองอยากโฟกัสเรื่องงานเพราะสัปดาห์หน้าจะไปสภาอภิปรายเรื่องของปัญหาการประมง

ทางด้านนายปิยบุตร คดีนี้มีหลายประเด็นในการยื่นอุทธรณ์ต่อ  พร้อมเทียบเคียง กับคดีปิดสนามบิน มีผลกระทบจำนวนมาก  และเป็นความผิดชัดเจนแต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนคดีการชุมนุมคดีนี้ เป็นการชุมนุมใช้ระยะเวลาไม่นานหลังเลิกชุมนุมก็มีการช่วยกันเก็บขยะ  ศาลใช้ระยะเวลาอ่านคำพิพากษานานกว่าการชุมนุมดังกล่าวด้วยซ้ำสุดท้าย ถูกจำคุกถึง 4 เดือนปรับ 20,200 บาท เป็นเหตุผลที่จะต้องอุทธรณ์คดีเพื่อให้ศาลสูงพิจารณา ส่วนเรื่องความไม่เหมาะสมของกฎหมายก็อยากจะฝากให้พรรคก้าวไกลไปพิจารณาแก้ไขในสภาต่อไป