"ก้าวไกล"ลั่นสังคมต้องการประชาธิปไตย-เลิกอภิสิทธิ์ชน หลัง"ทักษิณพักโทษ"

18 ก.พ. 2567 | 03:48 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ก.พ. 2567 | 03:48 น.

"ก้าวไกล"ลั่นสังคมต้องการประชาธิปไตย-เลิกอภิสิทธิ์ชน หลัง"ทักษิณพักโทษ" ระบุแนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ ชี้ทุกคนต้องเท่าเทียม

หลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ และเดินทางกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ไปเมื่อเวลา 06.33 น. ของวันนี้ (18 ก.พ. 67)

ทั้งนี้ ล่าสุดพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ระบุว่า แม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา 

โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่

แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ

"ก้าวไกล"ลั่นสังคมต้องการประชาธิปไตย เลิกอภิสิทธิ์ชน หลัง"ทักษิณพักโทษ"

แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่น ๆ 

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน
 

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ

หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน