รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติรับทราบแนวทางการป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่และการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน ตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
สำหรับแนวทางการป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่และการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน มีแนวทางในการดำเนินการ คือ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีบุคคลผู้ใดได้กระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือนให้ผู้ที่ได้รับรู้รับทราบถึงการกระทำนั้น หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
โดยดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข หรือขั้นตอนที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับว่าด้วยการนั้นกำหนดไว้ในแต่ละกรณี ดังต่อไปนี้
1. กรณีสงสัยว่านายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ผู้ใดใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี กระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำต้องห้ามตามมาตรา 186 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และอาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้นั้นสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามมาตรา 170 (5) ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อผู้มีหน้าที่ เพื่อดำเนินการให้มีการวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่ตามนัยมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
2. กรณีสงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ผู้ใดใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภากระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ต้องห้ามตามมาตรา 185 (1) และ (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และอาจเป็นเหตุใหัสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (7) หรือมาตรา 111 (7) แล้วแต่กรณี ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อผู้มีหน้าที่* เพื่อดำเนินการให้มีการวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงหรือไม่ ตามนัยมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
3. กรณีสงสัยว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ผู้ใดกระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ
รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 และอาจเป็นเหตุให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตรา 235 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต่อไป
4. กรณีสงสัยว่ากรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติมผู้ใดกระทำการอันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดวินัยตามข้อ 11 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และอาจเป็นเหตุให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งตามข้อ 8 (4) ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยหรือสั่งการตามข้อ 11 วรรคสาม ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
5. กรณีสงสัยว่าข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้ใดกระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน ซึ่งอาจเข้าข่ายกระทำผิดวินัยตามหมวด 6 วินัยและการรักษาวินัย ของพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อผู้บังคับบัญชาของข้าราชการผู้นั้นเพื่อดำเนินการตามมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับกฎ ก.พ. ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2556 ต่อไป
ทั้งนี้ กรณีสงสัยว่าบุคคลอื่นที่ไม่ได้มีการระบุไว้ตามแนวทางดังกล่าวข้างต้น เช่น ข้าราชการการเมืองอื่นตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง นอกเหนือจากตำแหน่งตามข้อ (1) บุคคลหรือผู้ปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษาหรือตำแหน่งอื่น ๆ ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมืองและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา
ผู้ใดใช้สถานะหรือตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้งกระทำการอันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารบุคคลของข้าราชการพลเรือน ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องแจ้งต่อผู้มีหน้าที่และอำนาจดำเนินการเพื่อให้มีการพิจารณาวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่หรือตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับว่าด้วยการนั้นต่อไป
สำหรับคำจำกัดความการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่และการบริหารงานบุคคลในราชการพลเรือน มีดังนี้
“การก้าวก่ายแทรกแซง” หมายความว่า การที่บุคคลผู้ใดซึ่งไม่ได้ถูกกำหนดให้มีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนได้ใช้อำนาจ หรือกระทำการโดยมิชอบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่หรือการบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือน เป็นไปเพื่อประโยชน์ของบุคคลผู้นั้นหรือผู้อื่นไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมและไม่ว่าการกระทำหรือพฤติกรรมนั้นจะประสบผลสำเร็จตามความประสงค์ของผู้นั้นหรือไม่
ทั้งนี้ การให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ หรือการแสดงความคิดเห็นจากผู้ที่ไม่มีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวที่ได้กระทำไปโดยสุจริตเปิดเผย และสามารถระบุหรืออ้างอิงตัวบุคคลผู้นั้นได้ ไม่ถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงตามแนวทางนี้
“การปฏิบัติหน้าที่” หมายความว่า การปฏิบัติราชการตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง มติคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
“การบริหารงานบุคคล” หมายความว่า การดำเนินการใด ๆ ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องนับตั้งแต่การสรรหา การบรรจุ การแต่งตั้ง (การย้าย การโอน การเลื่อน) การประเมินผลการปฏิบัติราชการการเลื่อนเงินเดือน การพิจารณาความดีความชอบ การพัฒนาข้าราชการ การปกครองบังคับบัญชา การดำเนินการทางวินัย การให้ออกจากราชการ
ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงการมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินด้วย