"รัฐบาล" ลุยศึกษาแนวทางยกเลิก พ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ

11 มี.ค. 2567 | 07:48 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มี.ค. 2567 | 08:08 น.

รองนายกรัฐมนตรี ปานปรีย์ พหิทธานุกร ตอบกระทู้ในสภา เผย มอบหมายให้สภาพัฒน์ฯ หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีการยกเลิก พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 สามารถทำได้หรือไม่

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ตอบกระทู้ถามของนายเฉลิยชัย เฟื่องคอน สมาชิกวุฒิสภา ถึงการยกเลิกพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ 2560 หลังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีมติให้ยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ตามรายงานของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่กฎหมายหมดความจำเป็น และบรรลุเป้าหมายตามแผนการปฏิรูปประเทศแล้ว ทั้งที่ยังมีประเด็นการปฏิรูปประเทศอีกจำนวนมาก และการปฏิรูปพรรคการเมืองในการหาเสียงเลือกตั้ง การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม การศึกษา ก็ยังไม่สบความสำเร็จ 

\"รัฐบาล\" ลุยศึกษาแนวทางยกเลิก พ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ

โดยตอนหนึ่งรองนายกฯปานปรีย์ ตอบว่า รัฐบาลจะมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) นำไปหารือกับสำนักงานคณะกรรมารกฤษฎีกาต่อไปว่า การยกเลิกกฎหมายดังกล่าว จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากไม่ขัด ก็จะต้องมีแผนการดำเนินการการปฏิรูปประเทศต่อไป หรือหากขัดรัฐธรรมนูญ ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ 

 

นอกจากนี้ นายปานปรีย์ ตอบกระทู้โดยชี้แจงว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีมติรับทราบการประเมินผลสัมฤทธิ์พระราชบัญญัติยุทธศาสตร์ชาติ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ ตามที่สภาพัฒน์ฯ เสนอ ตามหลักเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ที่จะต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ทุก 5 ปี

\"รัฐบาล\" ลุยศึกษาแนวทางยกเลิก พ.ร.บ.ปฏิรูปประเทศ

ซึ่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ มีผู้ให้ความเห็น 84.44% เห็นว่า ควรยกเลิกกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากหมดความจำเป็นแล้ว โดยให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศผ่านแผนระดับที่ 2 และ 3 แทน และหากมีความจำเป็นต้องมีกฎหมายมารองรับ ก็คณะรัฐมนตรี ก็สามารถดำเนินการผ่านการตรากฎหมายลำดับรองต่อไปได้ พร้อมยืนยันว่า แม้กฎหมายจะสิ้นสุดลง แต่การดำเนินการปฏิรูป ยังคงดำเนินการต่อผ่านกลไกอื่น ๆ

ดังนั้น กฎหมายจึงหมดความจำเป็นแล้ว เพราะการดำเนินการตามแผน บรรลุสัมฤทธิ์ผลตามรัฐธรรมนูญมาตรา 257-258 แล้ว ส่งผลให้กฎหมายดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันของพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายฯ 2562 และการยกเลิกกฎหมายดังกล่าว ไม่กระทบต่อยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายรัฐบาลในระยะต่อไป โดยหน่วยงานรัฐ สามารถดำเนินการปฏิรูปต่อในแผนลำดับที่ 2 และ 3 ได้นั้น 

ส่วนการปฏิรูปการเมือง กระบวนการยุติธรรม การศึกษา และระบบราชการนั้น นายปานปรีย์ ยืนยันว่า เรื่องเหล่านี้ จำเป็นจะต้องมีการเร่งดำเนินการต่อไป

นายปานปรีย์ ยังชี้แจงกรณีที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 259 กำหนดให้มีพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ แต่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ กลับให้มีมติยกเลิก จึงอาจจะเป็นการใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญได้ โดยยืนยันว่า เงื่อนไขขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ หน่วยงานราชการ และรัฐบาล ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแล้ว และจะไม่มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญในมาตราดังกล่าว

"ซึ่งแผนระดับ 2 และระดับ 3 นั้น ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อไป และรัฐบาล จะมอบหมายให้สภาพัฒน์ นำไปหารือกับกฤษฎีกาต่อไปว่า การยกเลิกกฎหมายดังกล่าว จะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากไม่ขัด ก็จะต้องมีแผนการดำเนินการการปฏิรูปประเทศต่อไป หรือหากขัดรัฐธรรมนูญ ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ " รองนายกฯปานปรีย์ กล่าว