วันนี้ (3 เมษายน 2567) ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 การดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จำนวน 50 ล้านคน วงเงิน 500,000 ล้านบาท ว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ล่าสุดมีความคืบหน้า เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียดเป็นครั้งที่ 5 โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงิน
น.ส.ศิริกัญญาอภิปรายว่า เป็นกลวิธีพิสดาร เปลี่ยนรอบที่ 5 ต้องลุ้นว่าจะมีการเปลี่ยนรอบที่ 6 หรือไม่ ซึ่งแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ตจากพายเรือในอ่างสู่การออกทะเล
น.ส.ศิริกัญญาอภิปรายขยายความการเปลี่ยนแปลงแหล่งที่มาของเงินดิจิทัลวอลเล็ตรอบที่ 5 ว่า งบกลางปี 67 เป็นออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม (งบกลางปี) โดยการชดเชยขาดดุลจนเต็มเพดานอีก 100,000 ล้านบาท และอาจโอนเปลี่ยนแปลงงบกลางอีก 40,000 ล้านบาท
“ออกงบกลางปี 67 จะไปใช้งบปี 68 ได้อย่างไร มี Trick อยู่ เอาไปใส่ไว้ในกองทุนหมุนเวียนของรัฐบาลสามารถใส่เงินไปแล้วไม่ต้องใส่คืนเงินคงคลัง เอาไปใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ใช้กับอะไรก็ได้ น่าจะเป็นกองทุนประชารัฐเพื่อสวัสดิการ 14 ล้านคน”น.ส.ศิริกัญญากล่าว
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า การเบ่งงบประมาณปี 68 เพิ่มงบปี 68 เพิ่มเป็น 3.75 ล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุล 865,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150,000 ล้านบาท
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า กู้ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส. ดำเนินนโยบายแทนตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 28 เพื่อแจกเงินดิจิทัลให้ครัวเรือนเกษตรกร 210,000 ล้านบาท หรือ กู้ธกส.มาใช้ก่อนแล้วมาใช้คืนทีหลัง
“ต้องตีลังกาตีความว่า ตกลงธ.ก.ส.สามารถแจกเงินดิจิทัลเพื่อเกษตรกรได้หรือไม่ และต้องเป็นลักษณะครัวเรือนด้วยอาจะมากกว่า 8 ล้านคน”น.ส.ศิริกัญญาอภิปราย
น.ส.ศิริกัญญาอภิปรายว่า มีการเลื่อนการแจกอย่างน้อย 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอปพลิเคชั่นที่ใช้ มีการเปลี่ยนเรื่องของจำนวนคนตลอดเวลา ชวนคิดว่า สรุปแล้ว รัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริง ๆ ใช่หรือไม่