เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2567 นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ตนยื่นเรื่อง ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกรณีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะมีพฤติการณ์เข้าข่ายมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ต่อนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ทั้งนี้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่า มีการเปิดปฏิบัติการสนธิกำลังของตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ. 8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. กว่า 100 นาย เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุดสำคัญ ในพื้นที่ต.จันดี อ.ฉวาง และอ.นาบอนจ.นครศรีธรรมราช ในการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกคนไทยและชาวจีน
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมขบวนการชาวจีนและผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวจีน รวม 90 คน พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์เครื่อง และและอุปกรณ์ต่างๆ จำนวนมากนั้น จากข้อเท็จจริงพบว่ามีเครือข่ายคนจีนจำนวนมาก ที่ได้เคลื่อนไหวรวมตัวกันมาตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากพี่น้องประชาชนคนไทย คนจีนและอีกหลายชาติ
โดยกลุ่มชาวจีนมาเช่าห้องพักที่โรงแรมจินเฮง แอบลักลอบเปิดเป็นสำนักงานและฐานบัญชาการคอยสั่งการไปยังจุดย่อยอีก 3 จุด ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ อ.ฉวาง โดยมีคนไทยอีกจำนวนมาก เข้ามาทำงานให้กับในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในการโทรติดต่อหาเหยื่อ โดยการชักชวนให้เข้ามาร่วมลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล และเล่นพนันออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบ
รวมทั้งหลอกให้ซื้อสินค้า โดยมีการสร้างเพจและใช้อุบายต่างๆ หลอกให้เหยื่อโอนเงิน ในส่วนของชาวจีนที่ถูกจับกุมได้อ้างว่า บุคคลที่โดนจับนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่ดูแลส่วนต่าง ๆ
ขณะที่นายทุนใหญ่ระดับสั่งการจะอยู่ในประเทศจีน โดยจะให้ชาวจีนด้วยกันเดินทางเข้าไทยโดยผ่านจากกัมพูชา บางคนก็ถือหนังสือเดินทางนักท่องเที่ยว
พอรวมกลุ่มกันได้ก็ตั้งแก๊งหลอกเหยื่อมานานปี มีการแบ่งหน้าที่กันเป็นระบบ ให้เงินค่าตอบแทนเฉลี่ยคนละ 40,000บาท ขณะที่คนไทยทำงานเป็นพนักงานจะได้ค่าตอบแทนเฉลี่ยเดือนละ 20,000บาท นับเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยต่าง ๆ ไม่รู้หรือรู้เห็นเป็นใจ
จากข้อเท็จจริงในรายคดีดังกล่าว มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อั้งยี่ ฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระและความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ดังนั้น จึงขอให้เลขาธิการ ปปง. ได้พิจารณาดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดและนำทรัพย์สินไปคืน หรือ ชดใช้คืนให้กับประชาชนที่ถูกหลอกเป็นเหยื่อ รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งอาจรวมถึงนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลัง
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยราชการต่าง ๆ ที่รู้เห็นเป็นใจให้ความช่วยเหลือแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ หากพบว่ามีข้าราชการรายใดทุจริต ก็ขอให้ดำเนินการกับทรัพย์สินของข้าราชการเหล่านั้นในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการทุจริตและความผิดอาญาฐานฟอกเงินด้วยเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป
ทั้งนี้ ขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ให้การเป็นประโยชน์ไว้เป็นพยานด้วย โดยพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัดต่อไปภายใน 30วัน หากได้ผลประการใด กรุณาแจ้งให้ผมและประชาชนทราบด้วย