ล่าสุด มีรายงานว่า นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯในช่วงบ่ายวันนี้( 21 พ.ค. 67)
ภายหลังถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 40 คน ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักงานายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (4) และ (5) ประเด็นว่า ด้วยขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณารับหรือไม่รับคำร้องในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ก่อนหน้านั้น ในช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำอะไรผิดจากนายกรัฐมนตรี
ในอดีตเวลาจัด ครม. จะต้องมีการกรอกรับรองคุณสมบัติต้องห้าม มีสำนักเลขาธิการสำนักนายกฯ เมื่อรับเอกสารแล้วก็จะส่งเรื่องไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ป.ป.ช., กรมบังคับคดี ตรวจสอบ เมื่อดูทุกเรื่องแล้วหากมีข้อสงสัยก็จะส่งเรื่องไปถามยังกฤษฎีกา
“จึงถามว่าจะเอาผิดนายกฯ ทำไม ขอพูดแบบไม่อาย เป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ และพิทักษ์มาหลายนายกฯ แล้ว”
นายพิชิต ยังกล่าว ขอบคุณ 40 สว. และขออโหสิกรรม ชอบใจมาก สิ่งที่โดนกระทำ หลายคนไม่เคยศึกษาชีวิตตน ตั้งแต่ปี 2551 โหยหาความยุติธรรมมาทั้งชีวิต มั่นใจว่าหลักนิติธรรมของศาลรัฐธรรมนูญมีจริง คำสั่งศาลฎีกาไม่ได้ผูกพันศาลรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นประเด็นตามคำสั่งศาลฎีกาขอท้าให้ไปดูว่าหากมี ตรงไหนที่เป็นคนหิ้วถุง 2 ล้านบาท จะลาออกวันนี้เลย ไม่ต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“หลายคนที่ว่ากล่าวติติงผมว่า เป็นไอ้ทนายถุงเงิน 2 ล้านบาท เป็นการพูดอย่างคนไร้สติ ไม่มีเหตุผล ถามว่าในสมัยที่เป็น ส.ส. มีคนหมั่นไส้ ทำไมไม่ยื่นถอดถอน”
นายพิชิต กล่าวด้วยว่า คำว่า วินัย จะเริ่มจับเมื่อรับข้าราชการ จะไม่มีการจับก่อนรับตำแหน่ง หรือ พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอพวก สว. ดูกันให้ดี เพราะคำว่า จริยธรรม ต้องมาใช้กับตนตอนนี้ คำอธิบายของกฤษฎีกาก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า ยกเว้นคำสั่ง หมายความว่า ตนมีคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามเป็นรัฐมนตรี จึงไม่มีอะไรเชื่อมโยงว่า นายกฯ เศรษฐา เป็นคนผิด