ชัยธวัช ชำแหละเงินดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ตอบโจทย์ประเทศ

19 มิ.ย. 2567 | 05:12 น.
อัปเดตล่าสุด :19 มิ.ย. 2567 | 06:01 น.

ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล-ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดหัว งบประมาณปี 68 กระชากหน้ากากเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตอบโจทย์ความชอบธรรมรัฐบาล-ไม่ตอบโจทย์ประเทศ โครงการเหล้าเก่าในขวดใหม่-ยึดโยงกลุ่มผลประโยชน์

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ที่รัฐสภา มีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.752 ล้านล้านบาท นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายเป็นคนแรกของพรรคฝ่ายค้าน ว่า อภิปรายภาพรวม ประเด็นใหญ่ ว่า ร่าง พ.ร.บ.ปี 68 ฉบับนี้ กำหนดวงเงินรายจ่ายสูงมากเป็นประวัติการณ์ เป็นการจัดงบประมาณขาดดุลอย่างต่อเนื่องหลายปี 

นายชัยธวัชกล่าวว่า งบประมาณปี 68 ต้องถือว่าเป็นการจัดสรรคงบประมาณรายจ่ายที่อยู่ในอำนาจเต็มของรัฐบาลชุดใหม่ ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป เมื่อดูในรายละเอียดยิ่งผิดหวัง และถึงขั้นหมดหวัง เพราะเป็นการจัดสรรงบประมาณแทบจะเหมือนกับงบประมาณปี 67 มีปัญหาแบบเดิม ๆ เพิ่มเติม คือ ดิจิทัลวอลเล็ต

“เป็นการจัดสรรงบประมาณดูเหมือนมียุทธศาสตร์ แต่ไม่มียุทธศาสตร์ เพราะเป็ยการจัดสรรงบประมาณแบบมีคำพูดสวยหรูเต็มไปหมดในเชิงยุทธศาสตร์ แต่ลงในรายละเอียดล้วน  ซ้ำซาก ซ้ำซ้อน เบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นเป้าหมายในทางนโยบายที่ชัดเจน จับต้องได้ มีการจัดลำดับความสำคัญ แบบมียุทธศาสตร์จริง  ๆ ตัวชี้วัดในการใช้งบประมาณเหมือนเดิม ใช้ไม่ได้ เป็นการใช้งบประมาณแบบไม่สนใจผลลัพธ์ในทางปฏิบัติจริง ๆ” 

นายชัยธวัชกล่าวว่า งบประมาณฉบับปี 68 ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการจัดสรร มีโครงการใหม่เพียง 163 โครงการ แทบไม่มีอะไรใหม่เลย และที่บอกว่าใหม่ ใหม่ไม่จริง เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ รายจ่ายลงทุน จำนวนมากเป็นรายจ่ายไม่มีนัยในการพัฒนาเศรษฐกิจจริง ๆ แต่ไปยึดโยงกับเครือข่ายการเมืองกับกลุ่มผลประโยชน์ที่มีส่วนผลักดันให้รัฐบาลเข้าสู่อำนาจจำนวนมาก

"เป็นการตอกย้ำตั้งแต่แถลงนโยบายว่า รัฐบาลใหม่ไม่มีวาระทางยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่าจะทำอะไรกันแน่ แต่ละกระทรวงต่างคนต่างอยู่ในอาณาจักรของตัวเอง วิธีการจัดสรรงบประมาณ นายสั่ง แต่ไม่บอกว่าให้ทำอะไร ข้าราชการก็จัดให้ เป็นโครงการเดิมแปะป้ายใหม่"

นายชัยธวัชกล่าวว่า หากจะมีอะไรใหม่สำหรับวาระของงบประมาณที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 68 คงมีแค่เรื่องเดียว คือ ความพยายามที่จะผลักดัน ในระดับที่เรียกว่า ดันทุรัง ที่จะทำให้โครงการดิจิทัลเวอลเล็ต 10,000 บาทให้สำเร็จ เรียกว่า ดันทุกรังกันแบบที่เรียกว่า เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้

นายชัยธวัชกล่าวว่า ผลของการจัดสรรงบประมาณมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาทางการคลังทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว เราจะสูญเสียพื้นที่ทางการคลังหากจำเป็นต้องมีการงบประมาณใช้จ่ายฉุกเฉินจริง ๆ หรือลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคต 

นายชัยธวัชกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ประสบปัญหาวิกฤตความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล และพอเข้ามาบริหารประเทศจริงๆ แล้วจนถึงวันนี้ก็ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่า จะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศและปากท้องของพี่น้องประชาชนได้เต็มที่ ดังนั้นพรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียวในปัจจุบัน เชื่อว่าสามารถผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้สำเร็จความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลก็จะฟื้นคืนกลับมา

“ปัญหาคือ ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผมคิดว่า เราไม่ได้ต้องการรัฐบาลที่จะมุ่งแสวงหาความนิยมจากประชาชนแบบมักง่าย สายตาสั้นแบบนี้ แต่เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงในการผลักดันนโยบายที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในสถานการณ์ขณะนี้ เราต้องการรัฐบาลที่มีเจตจำนงในการผลักดันนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศจริง  ๆ มากที่สุด ไม่ใช่ตอบโจทย์ทางการเมืองของพรรคแกนนำรัฐบาล”

นายชัยธวัชกล่าวว่า หากสุดท้ายนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตที่พรรคแกนนำรัฐบาลกำลังดันทุรังอยู่ในขณะนี้ สุดท้ายไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศจริง ๆ การจัดสรรงบประมาณประจำปี 2568 ก็จะเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศเป็นตัวตั้ง แต่เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้ง โดยรัฐบาลนี้กำลังมุ่งแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศวางเป็นเดิมพัน  

นายชัยธวัชกล่าวว่า จากรูปธรรมในการดำเนินนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต ผมคิดว่าเราพูดได้แล้ว ยืนยันได้แล้วว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่เกิดขึ้นมาอย่างฉาบฉวยเพื่อหาเสียงเฉพาะหน้า โดยไม่ได้คิดให้เสร็จตั้งแต่ต้น เราจึงเห็นการดำเนินนโยบายเรือธงอันนี้ แบบคิดไปทำไป กลับไปกลับมา จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอน 

"การวางเดิมพันใช้งบประมาณขนาดนี้ เอาอนาคตและโอกาสไปเสี่ยง อาจจะไม่ตอบโจทย์ประเทศ แต่เพียงแค่ตอบโจทย์ทางการเมืองของรัฐบาลเท่านั้น"นายชัยธวัชกล่าว 

นายชัยธวัชกล่าวว่า สถานการณ์วันนี้ การกระตุ้นการบริโภคโดยอัดเงินเข้าไปในระยะสั้น อาจจะไม่ได้นำไปสู่การกระตุ้นการผลิต การลงทุนและการจ้างงานในประเทศอย่างง่าย ๆ อีกแล้ว เพราะเราจะเจอปัญหาช่องทางเงินไหลออกที่เปรียบเสมือนเป็นหลุมดำสองหลุม ที่คอยดูดเม็ดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งจากจาก 20 ปีที่ผ่านมา

  • หลุมดำแรก สินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าจากประเทศจีนที่เกิดสภาวะสินค้าล้นตลาด over supply ในแทบทุกรายการ เข้าไทยสูงขึ้นเรื่อย ๆ เป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ 2566 ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านล้านบาท 
  • หลุมดำหลุมที่สอง e-commerce หรือ แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ที่เป็นช่องทางการขายที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 มีตัวเลขคนไทยซื้อของออนไลน์มากถึง 9.8 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ 

“ดังนั้นการอัดฉีดเงินเพื่อการบริโภค โดยไม่สร้างเงื่อนไขหรือแรงจูงใจอย่างเป็นระบบ เงินที่อัดเข้าไปในระบบย่อมจะรั่วไหลสู่สินค้านำเข้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” 

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านนายกฯให้สั่งการทบทวนการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ตกับโทรศัพท์มือถือเพราะกังวลว่าจะไม่เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า นโยบายนี้ไม่ได้คิดให้จบ รอบคอบตั้งแต่แรก และไปยึดติดแต่กรอบคิดเดิม ๆ ซึ่งอาจจะใช้ประโยชน์ได้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว”นายชัยธวัชกล่าว