มีรายงานว่า คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้นัดพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในวันที่ 30 ก.ค. 2567 ซึ่งเป็นการนั่งพิจารณาครบองค์คณะ 6 คน ประกอบด้วย
1.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานก.พ.ค.ตร. 2.นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการ 3.นายวันชาติ สันติกุญชร กรรมการ 4.พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ กรรมการ 5.พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม กรรมการ และ 6.พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน กรรมการ ก.พ.ค.ตร.
ส่วน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีตผบ.ตร. หนึ่งในกรรมการ ได้ยื่นถอนตัวตั้งแต่ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เริ่มยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากเคยมีข้อพิพาทระหว่างกันหลายเรื่องในอดีต
กรณีดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีคือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เป็นผู้ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน มาชี้แจงด้วยวาจา
หลังจากนั้น ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ผู้ร้องนำมาแถลงด้วยวาจาต่อคณะกรรมการ ประกอบกับพยานหลักฐาน และข้อเท็จจริงที่ได้รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
ทั้งนี้ หาก ก.พ.ค.ตร.พิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิมโดยทันที พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้ออกฯ คือวันที่ 18 เม.ย. 2567
ในทางกลับกันหาก ก.พ.ค.ตร. วินิจฉัยว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น ชอบด้วยกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด ได้ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบ หรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.