เปิดไทม์ไลน์คดี ม.112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” พิพากษาปี 2568 สืบพยาน 7 นัดจบ ก.ค.

19 ส.ค. 2567 | 08:28 น.
อัพเดตล่าสุด :19 ส.ค. 2567 | 08:50 น.

ศาลอาญานัดสืบพยาน คดี ม.112 ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ถูกกล่าวหา 2 เดือน เริ่ม ก.ค. ปีหน้า รวม 7 นัด คาดพิพาษาในปี 2568

วันนี้ (19 ส.ค. 67) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังศาลตรวจพยานหลักฐานคดีที่กล่าวหา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง นายทักษิณ เดินทางมาศาลตั้งแต่ช่วงเช้าและกลับไปก่อนหน้านี้ 

ต่อมา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ว่า ในการตรวจพยานหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน ว่า วันนี้ได้มีการสอบคำให้การของจำเลย โดย นายทักษิณ ให้การปฏิเสธ พร้อมกับนำเสนอพยานหลักฐาน ประกอบไปด้วยพยานฝ่ายบุคคลฝ่ายโจทก์ 10 ปาก ใช้เวลา 3 นัด ฝ่ายจำเลยจำนวน 14 ปาก ใช้เวลา 4 นัด

นายวิญญัติ กล่าวว่า ฝ่ายโจทก์ไม่อ้างประจักษ์พยานเลยเเม้แต่ปากเดียว ฝ่ายจำเลยอ้างล่ามเเปลภาษา ชาวเกาหลีที่พูดภาษาไทยได้ เเต่จะนำมาเบิกความจริงหรือไม่ ต้องดูทางโจทก์ว่าติดใจสืบพยานปากนี้เเค่ไหน ภาระการพิสูจน์คดีอาญาอยู่ที่ฝ่ายโจทก์ 

ส่วนจะต้องนำมา หรือ อาจจะใช้วิธีทางไกลผ่านจอภาพ ก็สามารถทำได้เเล้วในปัจจุบัน โดยทางฝ่ายจำเลยจะมีพยานปากที่เป็นบุคคลสำคัญเป็นนักกฎหมายมาเบิกความ 

“นายทักษิณ ไม่ได้หนักใจ ผมก็ไม่หนักใจ การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานอยู่ที่ศาล เราก็ทำหน้าที่ให้ดีทั้งโจทก์เเละจำเลย”

นายวิญญัติ กล่าวด้วยว่า ยังมีพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ตามคลิปที่ปรากฏในระบบคอมพิวเตอร์ โดยนายวิญญัติ ยืนยันว่า คลิปที่มีการส่งตรวจตั้งแต่แรก เป็นการรวบรวมจากระบบอินเทอร์เน็ตลงในแผ่นซีดี ไม่ใช่หลักฐานจากสถานที่จริง 

เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบคลิปที่เป็นประเด็น ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวไม่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ถึงความเป็นต้นฉบับ การตัดต่อและการแปลความเป็นภาษาไทยก็ไม่สมบูรณ์ ในเรื่องนี้มีภาษาอังกฤษเพียงคำเดียวที่เป็นปัญหาและนำไปสู่การกล่าวหานายทักษิณ สอดคล้องกับที่ตนได้เคยแถลงก่อนหน้านี้ว่าหลักฐานของฝ่ายโจทก์เป็นเพียงเพียงการรวบรวมคลิป

สำหรับเรื่องคลิปที่ไม่ได้มาจากต้นฉบับ จะนำมาเป็นข้อต่อสู้ของจำเลยได้อย่างไรนั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า ยังไม่สามารถลงรายละเอียดในเวลานี้ได้ หลังจากนี้จะเป็นการพิสูจน์ความจริงต่อศาล ขึ้นอยู่กับศาลจะรับฟังพยานหลักฐานและมีคำวินิจฉัยอย่างไร 

“เรื่องนี้ นายทักษิณ ถูกกระทำจากระบบการกล่าวหา ซึ่งผมเองมองว่าระบบการกล่าวหาของประเทศไทยยังมีปัญหา หากมีโอกาสก็ควรมีการแก้ไข”

สำหรับการสืบพยานหลังจากนี้ นายวิญญัติ กล่าวว่า มีทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1 2 และ 3 ก.ค. 2568 นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะสืบพยานในวันที่ 15 16 22 และ 23 ก.ค.2568 

หลังจากนั้น ศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป คดีเริ่มต้นเดือน ก.ค.ปีหน้า และเชื่อว่าศาลชั้นต้นตัดสินภายในปีนั้นอยู่เเล้ว แต่จะมีการอุทธรณ์ ฎีกาต่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง 

โดยที่มีการนัดสืบพยานในปีหน้านั้น เนื่องจากศาลอาญาเป็นศาลใหญ่ รับคดีทั่วราชอาณาจักร มีคดีจำนวนมาก ต้องนัดสืบพยานไปตามลำดับของคดี แต่คดีนี้เป็นการนัดคดีต่อเนื่อง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ตนไม่มีความเห็น

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายจำเลยจะขอยื่นสืบพยานลับหลังหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ได้รับการยืนยันจากนายทักษิณ ว่าท่านพร้อมที่จะมาสืบพยานทุกนัด เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ด้วยตัวเอง และพิสูจน์ว่า ที่ผ่านมาไม่มีเจตนาที่จะก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ และพร้อมที่จะได้แสดงความจงรักภักดีเพื่อให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งประชาชนคนไทยก็เห็นได้อยู่แล้ว

แต่ทั้งนี้หากศาลอนุญาตให้มีการสืบพยานลับหลัง ท่านอาจจะไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเอง