หนังสืออุทธรณ์ฉบับเต็ม : คำพิพากษา 2 ศาล ที่ดินเขากระโดงเป็นสิทธิ์รฟท.(3)

15 พ.ย. 2567 | 07:54 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ย. 2567 | 09:16 น.

เปิดข้อเท็จจริงสำคัญในหนังสืออุทธรณ์ฉบับเต็ม ของ รฟท. ถึง กรมที่ดิน ยกคำพิพากษาอีก 2 ศาล คือ “ศาลอุทธรณ์ภาค3” และ “ศาลปกครองกลาง” ชี้ชัดที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทยบนที่ดินหลวงตาม พ.ร.บ. ปี 2464 (3)

หนังสืออุทธรณ์ฉบับเต็ม(3) ที่ “วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)" ยื่นหนังสืออุทธรณ์ถึงอธิบดีกรมที่ดิน กรณีมีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ หรือคดีที่ดินเขากระโดง 

ซึ่งหนังสืออุทธรณ์มีจำนวน ทั้งหมด 20 หน้า โดยท่อนหนึ่งของคำอุทธณ์ ได้นำคำพิพากษาของศาลอีก 2 ศาลศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลปกครองกลาง ยืนยันกรรมการสิทธิ์ที่ดินเขากระโดงว่าเป็นของการรถไฟฯ โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามที่ปรากฏจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย โจทก์กับนายวิรัตน์ วงศ์พิพัฒน์ชัย ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน จำเลย ซึ่งคำพิพากษาระบุไว้ตอนหนึ่งว่า 

"เห็นว่า ตามพระราชกฤษฎีกา เอกสารหมาย จ.9 ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 และวันที่ 7 พฤศจิกายน 2464 หมายถึงการยกเลิกการสงวนหวงห้ามที่ดินซึ่งเป็นของเอกชนในส่วนนอกเขตแนวที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อเท่านั้น มิใช่การยกเลิกการหวงห้ามทั้งหมด และเมื่อกรมรถไฟแผ่นดินเข้าไปใช้ประโยชน์ที่ดินโดยการก่อสร้างทางรถไฟเข้าไปลำเลียงหินที่บริเวณเขากระโดงและบ้านตะโก ทั้งยังใช้วัสดุสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานีด้วย

ย่อมถือว่าที่ดินและที่ดินพิพาท ตามแผนที่กรมรถไฟแผ่นดินฯ เอกสารหมาย จ.7 เป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 เอกสารหมาย จ.4 อันเป็นที่ดินที่จัดหามาเพื่อใช้ในการสร้างทางรถไฟโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งอยู่ในความหมายของคำว่า ที่ดินรถไฟ ตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 มาตรา 3(2) ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมรถไฟแผ่นดิน ตามมาตรา 25 และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6(1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว"

 

คำพิพากษาศาลปกครองกลาง

และอีกท่อนหนึ่งในหนังสืออุทธรณ์ของ รฟท. ระบุถึง ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 24949/2564 คดีหมายเลขแดง ที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้ฟ้องคดี กรมที่ดินผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 อธิบดีกรมที่ดินผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2

ตามคำพิพากษาของศาลปกครองดังกล่าวได้วินิจฉัยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในบริเวณเขากระโดงไว้ตอนหนึ่งว่า "เมื่อคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 842-876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำ ที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดแจ้งว่า

ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายโคราช-อุบล ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตรที่ 375+650 เป็นส่วนหนึ่งของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 เมื่อกรมรถไฟแผ่นดินใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยการก่อสร้างทางรถไฟเข้าไปลำเลียงหินที่บริเวณเขากระโดง จึงถือได้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของผู้ฟ้องคดี

ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดีที่ได้มาตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 และถือเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงมีหน้าที่ในการคุ้มครองและป้องกันที่ดินบริเวณดังกล่าวตามที่กำหนดในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมที่ดินกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2557"