กรมที่ดิน แจงรายละเอียดที่มา-อำนาจหน้าที่คณะกรรมการ มาตรา 61 ปม"เขากระโดง"

22 พ.ย. 2567 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ย. 2567 | 04:13 น.

กรมที่ดิน แจงยิบ รายละเอียดที่มาและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการสอบสวน ความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินปม”ที่ดินเขากระโดง"

 

กรณี กรมที่ดินชี้แจง คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61  แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน บริเวณเขากระโดง  และได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ครบถ้วนเมื่อวันที่11พฤศจิกายน 2567 

กรมที่ดินชี้แจง

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรมที่ดิน ชี้แจงเกี่ยวกับ รายละเอียด ที่มาและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการสอบสวน ตามความในมาตรา 61  แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเพิ่มเติม ว่า ตามมาตรา 62 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กำหนดว่า เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์แปลงใดเป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้อธิบดีกรมที่ดินหรือรองอธิบดีผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายมีอำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้ แต่ก่อนที่จะมีคำสั่งแก้ไขหรือเพิกถอน ให้อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาคณะหนึ่ง

เพื่อดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวเสียก่อน อย่างน้อยจะต้องมีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่เป็นกรรมการ และตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียน โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. 2553 กำหนดให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร

ประกอบด้วยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา หรือข้าราชการสังกัดกรมที่ดินที่อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายฯ เห็นสมควร เป็นประธานกรรมการ นายอำเภอหรือปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ ตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ และผู้แทนส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องตามที่เห็นสมควร เป็นกรรมการ และให้อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย แต่งตั้งข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งประเภททั่วไปตั้งแต่ระดับชำนาญงานขึ้นไป หรือข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญการขึ้นไปในสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา เป็นกรรมการและเลขานุการ

อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวน

1. ดำเนินการสอบสวนพยานหลักฐานให้ได้ความว่า ได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร

2. มีอำนาจเรียกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง

มาพิจารณา กรณีไม่อาจเรียกเอกสารให้บันทึกเหตุผลไว้ กรณีได้รับเอกสารให้ออกใบรับ (ท.ด.๕๓) ไว้เป็นหลักฐาน

3. แจ้งผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้านการเพิกถอนหรือแก้ไข

4. รายงานผลการสอบสวนต่ออธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในกำหนดระยะเวลา

5. ขอขยายระยะเวลาการสอบสวน กรณีคณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่สามารถดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา โดยจะสั่งให้ขยายระยะเวลาการสอบสวนได้ตามความจำเป็น

6. ขอเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสอบสวนฯ กรณีมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรรมการสอบสวน

 

ขั้นตอนและวิธีการสอบสวน

1. ประชุมคณะกรรมการสอบสวนฯ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตลอดจนเอกสารหลักฐาน กำหนดประเด็น และแนวทางในการสอบสวนพร้อมจัดทำรายงานการประชุม

2. ดำเนินการสอบสวนโดยรวบรวมพยานเอกสารและสอบสวนพยานบุคคล

3. แจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสคัดค้าน โดยบันทึกให้ชัดเจน ว่าผู้มีส่วนได้เสียยินยอมให้เพิกถอน หรือคัดค้านการเพิกถอนหรือแก้ไขหรือไม่ หากคัดค้าน ให้ระบุเหตุผลการคัดค้านพร้อมแสดงพยานหลักฐาน และพิจารณาหลักฐานการคัดค้าน 

การจัดทำรายงานการสอบสวน

คณะกรรมการสอบสวนฯ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ทั้งที่เป็นเอกสารหลักฐานทางกฎหมายตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เสร็จแล้วสรุปข้อเท็จจริงและเหตุที่มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งมีหน้าที่เสนอความเห็นต่ออธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายฯ ว่าสมควรสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร

ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในกรณีที่อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมายเห็นสมควรให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมตามนัยกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฯ พ.ศ. 2553

เงื่อนไขการพิจารณาสั่งเพิกถอนหรือแก้ไข

อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย จะพิจารณาสั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้ต่อเมื่อปรากฎชัดแจ้งว่าได้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏจากการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอ ว่าการออกโฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ได้ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย อธิบดีกรมที่ดินหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย พิจารณายุติเรื่องตามข้อ 12 แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฯ พ.ศ. 2553

ดังนั้น คณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งที่ 1195-1196/ 2566  ลงวันที่12  พฤษภาคม 2566 จึงเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ กรมที่ดินไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้ กรมที่ดินเป็นเพียงผู้สนับสนุนข้อมูล เอกสาร พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่คณะกรรมการสอบสวนฯ เมื่อได้รับการร้องขอ