วันที่ 11 พ.ย.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกรมที่ดิน มีมติไม่เพิกถอนสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง ข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และ กรมที่ดิน ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญหากเป็นที่ดินของ รฟท. แม้กระทั่งตารางวาก็จะเสียไปไม่ได้ จึงให้รฟท.ไปเช็คดู
“ได้รับรายงานว่า วันที่ 10 พ.ย. รฟท.ได้ยื่นขอต่อศาลปกครองกลาง แจ้งว่าอธิบดีกรมที่ดินปฏิบัติตามคำพิพากษาไม่ครบถ้วน ขอให้ศาลปกครองพิจารณา หรือ ไต่สวนกำหนดวิธีการดำเนินการ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ในการร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินของ รฟท. และให้พิจารณามีคำสั่งในประเด็นต่างๆ ต่อไป”
นายสุริยะ กล่าวว่า ผู้ว่ารฟท.ได้ทำหนังสือถึงกรมที่ดิน ยื่นคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดิน ตามมาตรา 44 พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง ซึ่งในนั้นระบุว่า เราต้องยื่นภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 12 พ.ย. และได้ส่งไปเรียบร้อยแล้วในวันที่ 11 พ.ย.
“รฟท.รู้กฎหมายอยู่ จะไปหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินกว่า 900 แปลง ซึ่งขั้นตอนตรงนี้ยังมีเวลา ยืนยันว่าจะดูให้รอบคอบ”
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เรื้อรังมานานจะเคลียร์ให้จบภายในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามกฏหมาย มันไม่ช้าอยู่แล้ว
เมื่อถามอีกว่าจำเป็นต้องพูดคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า คิดว่าเป็นระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ เมื่อกรมที่ดินบอกว่าเป็นที่ของเขา ไม่ได้เป็นที่ของ รฟท. เพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ รฟท.เชื่อว่ามีหลักฐานเพียงพอ ก็ได้ดำเนินการไป"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการมองว่าที่ดินหลายแปลงในเขากระโดงเป็นของตระกูลชิดชอบ นายสุริยะ กล่าวว่า ไม่อยากให้เรื่องขยายเป็นประเด็นการเมือง อยากให้ว่าไปตามกระบวนการ หรือทาง รฟท. เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร เมื่ออธิบดีกรมที่ดินชี้มาแบบนี้ ทาง รฟท.เห็นว่าไม่ใช่ ก็ต้องพยายามรักษาสิทธิ์ของ รฟท.ไว้
ถามย้ำว่าเรื่องนี้จะจบในระดับเจ้าหน้าที่ ไม่ขยายเป็นประเด็นการเมืองใหญ่โตใช่หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า "ครับ คิดว่าเป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าไปเอาว่าใครอยู่พรรคไหน หรือมีความขัดแย้งกัน"