ย้อนรอย "บุญทรง" อดีต รมว.พาณิชย์ จากนักโทษคดีจำนำข้าวถึงวันพักโทษ 

02 ธ.ค. 2567 | 08:25 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ธ.ค. 2567 | 08:27 น.

ย้อนรอยคดีจำนำข้าว "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ ถูกตัดสินจำคุก 48 ปี ล่าสุดได้รับการพักการลงโทษ ติดกำไล EM คุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี 5 เดือน

ชื่อของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหลังจากที่ คณะกรรมการพักการลงโทษ กระทรวงยุติธรรม มีความเห็นพักการลงโทษ นายบุญทรง ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว หลังต้องโทษจำคุกรวม 48 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษในโอกาสต่าง ๆ หลายครั้งกระทั่งเข้าเกณฑ์พักการลงโทษ

ล่าสุด เจ้าหน้าที่คุมประพฤติได้ทำการใส่กำไล EM ให้กับนายบุญทรง ที่คุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนปล่อยจากเรือนจำเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษโดยเหลือโทษที่ต้องติดกำไล EM และคุมประพฤติเป็นเวลา 3 ปี 5 เดือน

"ฐานเศรษฐกิจ" พาไปย้อนรอยคดีจำนำข้าว หรือ คดีจีทูจีข้าว กันอีกรอบ 

จุดเริ่มต้นของคดีจำนำข้าวเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่ออัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กรณีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2558 

ต่อมา 8 พฤษภาคม 2558 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติถอดถอน นายบุญทรง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  พร้อมกับ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ส่งผลให้ทั้ง 3 คนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี

กระทั่งในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาจำคุก นายบุญทรง เป็นเวลา 42 ปี กรณีมีส่วนรู้เห็นในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้วฯ ซึ่งสร้างความเสียหายกว่า 5,856 ล้านบาท 

จากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระบุความเสียหายจากการทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รวม 4 สัญญา แบ่งเป็น

สมัยนายภูมิ สาระผล เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เห็นชอบขายข้าวแก่บริษัทกว่างตง 2 สัญญา สร้างความเสียหาย 11,011 ล้านบาท

สมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ได้เห็นชอบสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัทกว่างตง 1 ฉบับ เสียหาย 5,694 ล้านบาท และเห็นชอบสัญญากับบริษัทห่ายหนาน เสียหาย 162 ล้านบาท รวมความเสียหายทั้งสิ้น 16,912 ล้านบาท โดยศาลสั่งให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด, นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) และพวก ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี 

ศาลระบุว่า การกระทำผิดเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ โดยนำบริษัทกว่างตงและบริษัทห่ายหนานมาแอบอ้างว่าได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐในราคาต่ำกว่าท้องตลาด แต่กลับไม่มีการส่งข้าวออกไปต่างประเทศ นำไปสู่การขายต่อในประเทศและสร้างความเสียหายแก่รัฐอย่างมหาศาล

ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมายใหม่เพื่อขอลดโทษเนื่องจากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมแต่อัยการโจทย์ได้กลับขออุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยเพื่อต่อสู้ด้วย และวันที่ 6 กันยายน 2562 ศาลฎีกามีคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์เพิ่มอีกกระทงหนึ่งโทษจำคุก นายบุญทรง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อีก 6 ปี จากเดิม 42 ปีรวมเป็น 48 ปี พร้อมสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องชดใช้ค่าเสียหายให้กระทรวงการคลังรวมกว่า 16,912 ล้านบาท

ในปี 2564 นายบุญทรง ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดวันต้องโทษช่วงต้นปี เหลือโทษ 16 ปี และได้รับพระราชทานอภัยโทษอีกครั้ง เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.2564 เหลือโทษจำคุก 10 ปี

ล่าสุดในวันนี้ 2 ธันวาคม 2567 กรมราชทัณฑ์มีคำสั่งพักโทษและปล่อยตัว "บุญทรง" ออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ต้องติดกำไล EM และอยู่ภายใต้การควบคุมของกรมคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน หรือจนถึงวันที่ 21 เมษายน 2571