KEY
POINTS
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือ “ลับ” เสนอต่อ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงวันที่ 17 มีนาคม 2568 แจ้งรับคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ฮั้วเลือก สว.) เป็นคดีพิเศษ และส่งหลักฐานสำเนาเอกสายโพยฮั้ว สว. ระดับประเทศ จำนวน 2 ชุด
โดยพบว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง สว. จำนวน 138 คน และเป็นสำรอง 2 คน มีมูลเป็นการทุจริตในการเลือก หรือ รู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม
ในเอกสารลับของดีเอสไอ ยังระบุ นอกจากพฤติการณ์ของการกระทำความผิดฐานอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 แล้ว ยังมีมูลน่าเชื่อว่า เป็นการทุจริตในการเลือกตั้งหรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่นอันทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม รวมไปถึงคดีพิเศษฐานฟอกเงินที่อยู่ระหว่างการพิจารณา เป็นการกระทำกรรมเดียวที่ผิดกฎหมายหลายบทและเกี่ยวข้องกับความผิดหลายกรณี
สำหรับการฮั้วเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 จากการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐาน ทั้ง พยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ และผู้เชี่ยวชาญ สรุปเบื้องต้นดีเอสไอมีพยานเอกสาร (โพยฮั้ว สว.) ให้เลือกหมายเลข ระดับประเทศ ชุด A และ ชุด B รวม 140 คน ปรากฏรายชื่อตั้งแต่กลุ่มที่ 1 ถึงกลุ่มที่ 20 พบมีเบอร์ให้เลือก
และพบเป็นรายชื่อตามประกาศผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ เรื่องผลการนับคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน (สว.ป.41) คือ ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง สว. จำนวน 138 คน และเป็นสำรอง 2 คน ปรากฏดังนี้
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ กกต. มีมติแต่งตั้งข้าราชการจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา 42 พ.ร.ป.กกต.
ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน 7 คน มีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับ ความปรากฏว่ามีการ “ฮั้ว สว.”ระดับประเทศ ประกอบด้วย
1. ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน 2. พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจน์นิรันด์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ, 3. นางสุทธดา คงเดชา ผอ.สำนักสืบสวน สอบสวน 1, 4. นายชาญชัย สมาคม ผอ.สำนักสืบสวน สอบสวน 2
5. นายระวี อักษรศิริ ผอ.กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ดีเอสไอ 6. นายเอกรินทร์ ดอนดง ผอ.ส่วนวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์พิเศษ คดีเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ และ 7.นายประเคียง เพียรดี ผอ.ฝ่ายสืบสวน สอบสวน 5