นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นแถลงสรุปภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตลอด 2 วันที่ผ่านมา โดยย้ำถึงข้อกล่าวหาหลายประเด็นสำคัญ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตลอดการอภิปราย ยืนยันว่าไม่ได้ออกนอกประเด็น พาดพิงนายกฯ ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขต เพราะสิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินคือคำตอบจากปากท่านนายกฯ เอง แต่จนถึงเวลานี้ ท่านนายกฯ ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม จึงไม่สามารถใช้สิทธิ์พาดพิงตามข้อบังคับ เพื่อชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหาใด ๆ ได้เลย
ข้อกล่าวหาสำคัญที่ฝ่ายค้านพยายามสะท้อนต่อที่ประชุม คือกรณีการถือครองที่ดินและการดำเนินธุรกิจในพื้นที่ "โรงแรมเทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่" ซึ่ง สส.ธีรชัย ตั้งข้อสงสัยว่า มีการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ และการดำเนินธุรกิจโรงแรมที่อาจผิดกฎหมาย โดยเฉพาะช่วงเวลาระหว่างปี 2557 ถึง 2562 ที่โรงแรมเปิดดำเนินกิจการ ทั้งที่ใบอนุญาตโรงแรมเพิ่งออกเมื่อปี 2562
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
แม้รัฐมนตรีวราวุธ ศิลปอาชา จะลุกขึ้นชี้แจงว่าหน่วยงานรัฐได้ออกใบอนุญาตให้ถูกต้อง แต่ฝ่ายค้านยืนยันว่ามีข้อเท็จจริงที่ขัดแย้งกันและยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
“ช่วงเวลาที่เปิดกิจการก่อนใบอนุญาตออก มันหมายความว่าอะไร? ดำเนินกิจการผิดกฎหมายหรือไม่? ประเด็นนี้ยังต้องการคำตอบจากรัฐบาล” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังหยิบยกประเด็น “ชั้น 14” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการดูแลพิเศษระหว่างถูกควบคุมตัว โดยระบุว่า สส.รังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายไว้อย่างชัดเจน พร้อมหลักฐานว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะบุตรสาวของนายทักษิณ ย่อมมีส่วนรู้เห็น และต้องชี้แจงว่า “ตกลงแล้วคุณทักษิณป่วยเป็นโรคอะไรถึงได้รับสิทธิพิเศษขนาดนั้น นี่ไม่ใช่คำถามธรรมดา แต่คือข้อสงสัยของประชาชนทั้งประเทศที่ต้องการคำตอบ ไม่ใช่การนิ่งเงียบหรือเพิกเฉย
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ผู้นำฝ่ายค้านยังกล่าวถึงกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์และพระราชกำหนดเกี่ยวกับสถาบันการเงิน ซึ่ง สส.รัชนก ศรีนอก ได้อภิปรายไปก่อนหน้านี้ โดยกล่าวว่า เรื่อง พ.ร.ก. แบ่งความรับผิดชอบจากสถาบันการเงินยังเงียบ ไม่มีการอธิบายจากรัฐบาล ทั้งที่เป็นประเด็นที่ประชาชนได้รับผลกระทบโดยตรง
ในช่วงท้ายของการอภิปราย นายณัฐพงษ์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า ขอกล่าวหานายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมว่า
1.ท่านจงใจทำธุรกรรมอำพราง วางแผนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
2. ท่านแอบสมคบกับกลุ่มทุน เอาใจกลุ่มอำนาจเก่า และละเว้นการใช้อำนาจหน้าที่ของตนเอง
3. ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่ขาดทั้งความรู้ ความสามารถ ภาวะความเป็นผู้นำ และไม่มีเจตจำนงทางการเมืองที่จะนำพาประเทศไปข้างหน้า
ถ้าท่านนายกฯ อยากจะแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่แท้จริง ต้องตอบคำถามให้ชัดว่า เมื่อไหร่จะเลิกเอาใจกลุ่มอำนาจเก่า เมื่อไหร่จะเลิกบิดเบือนกฎหมายเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม และเมื่อไหร่จะหยุดเลือกหยิบเฉพาะตัวเลขดีๆ มาอวดประชาชน ทั้งที่ข้อเท็จจริงหลายด้านยังวิกฤติ
“ด้วยเหตุและผลทั้งหมดที่ผมได้นำเสนอ ผมไม่สามารถไว้วางใจให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้อีก จึงขอให้สภาพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไปครับ”
จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ปิดการประชุม และนัดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงคะแนนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีวันพุธที่ 26 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น.