วันนี้(27 มี.ค. 68) นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องถอดถอน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หลังถูก 92 สว. กล่าวหาว่า แทรกแซงการทำงานของ กกต. ในกระบวนการเลือก สว. ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีคำสั่งให้ทั้งสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
“เป็นเพียง เกมบลัฟกันทางการเมือง และมองว่าปลายทางของคดีนี้ อาจไม่มีอะไร” นายจรัญ ระบุ
ศาลรธน.รับคำร้องเหตุเข้าเงื่อนไขก.ม.
นายจรัญ อธิบายว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเป็นไปตาม มาตรา 170 (4), มาตรา 160 (4) (5) และมาตรา 82 วรรคสอง วรรคสาม ซึ่งถือเป็นการใช้ช่องทางกฎหมายที่ถูกต้องของกลุ่ม ส.ว.
1.ศาลมีอำนาจรับคำร้อง เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
2. 92 สว. มีสิทธิยื่นคำร้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้เสียงเพียง 1 ใน 10 ของสมาชิก สว. หรือ 20 คน เท่านั้น แต่ครั้งนี้มีถึง 92 รายชื่อ
"ถือว่ากลุ่ม สว.นี้ เข้าใจกระบวนการยุติธรรมทางรัฐธรรมนูญอย่างแตกฉาน สามารถนำเรื่องเข้าสู่ศาลได้สำเร็จ" นายจรัญ กล่าว
ข้อหาหลัก“ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์”
นายจรัญ กล่าวว่า แม้ว่าคำร้องจะระบุว่า นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี แทรกแซง กกต. แต่ข้อกล่าวหาหลักที่ใช้เป็นฐานคือ ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งยังไม่มีบรรทัดฐานชัดเจนว่าการกระทำลักษณะนี้เข้าข่ายหรือไม่
นายจรัญ มองด้วยว่า "เรื่องความซื่อสัตย์ต้องพิจารณาองค์ประกอบภายในด้านจิตใจด้วย ไม่ใช่แค่การกระทำภายนอก"
ดีเอสไอแยกคดีชัดโอกาสรอดสูง
ในคำให้สัมภาษณ์ของนายจรัญ ยังกล่าวถึงประเด็นที่ดีเอสไอแยกคดี "ฮั้วเลือก ส.ว." เป็นสองส่วน
ส่วนของกระบวนการเลือก ส.ว. ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กกต.
ส่วนของคดีฟอกเงิน ที่ดีเอสไอรับผิดชอบโดยตรง
กรณีที่ดีเอสไอขอมติคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เพื่อรับคดีนี้ แต่ไม่ได้เสียง 2 ใน 3 ตามข้อกำหนด ทำให้ข้อหาหนักอย่าง “อั้งยี่ ซ่องโจร” ถูกตีตกไป
นายจรัญ ระบุว่า "สุดท้ายดีเอสไอเลือกดำเนินคดีเฉพาะเรื่องฟอกเงิน ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานโดยตรง และยังไม่มีการกดดัน กกต. แต่อย่างใด"
ศาลยังไม่พบเหตุสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
เนื่องจากยังไม่มีมูลฟ้องที่ชัดเจนว่า ทั้งสองกระทำผิดจริง ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ให้ นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี ดำรงตำแหน่งต่อไป ระหว่างพิจารณาคดี
นายจรัญ มองว่า “ปลายทางอาจไม่มีอะไรมากนัก เว้นแต่ในเรื่องมาตรฐานจริยธรรม” ซึ่งเป็นประเด็นที่ซับซ้อน และละเอียดอ่อนกว่าข้อหาความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเสียอีก
จับตาเกมการเมือง
ในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ นายจรัญ กล่าวถึงข้อหาที่เกี่ยวกับ อั้งยี่ ซ่องโจร ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นข้อหาครอบจักรวาลที่เลื่อนลอย และมีการนำไปใช้กว้างขวางโดยไม่จำเป็น เช่นเดียวกับ มาตรฐานทางจริยธรรม ที่สามารถตีความได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
"ผมจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องข้อหาความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เพราะดีเอสไอทำงานรอบคอบ ไม่บุ่มบ่าม ...แต่เรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม นี่แหละที่ละเอียดและครอบคลุมไปหมด อาจเป็นจุดที่ต้องจับตาต่อไป"นายจรัญ กล่าว
เมื่อถูกถามว่าสุดท้ายทั้ง 2 คนอาจหลุดจากข้อกล่าวหาหรือไม่ นายจรัญ ตอบว่า "เป็นไปได้"