เดินหน้านโยบายให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาระยะเวลาหนึ่ง โดยมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อ 26 สิงหาคม 2557 เห็นชอบหลักการแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557-2560 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยการเคหะแห่งชาติ (กคช.) วงเงินรวม 34,198.47 ล้านบาท ภายใต้แผนพลิกฟื้นองค์กรของ กคช.โดยอนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 จำนวน 38 โครงการ จำนวน 16,146 หน่วย จำแนก เป็นโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน กลุ่มรายได้น้อยถึงปานกลาง จำนวน 25 โครงการ 14,773 หน่วย และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จำนวน 13 โครงการ 1,373 หน่วย
[caption id="attachment_70526" align="aligncenter" width="700"]
3 โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 ที่ถูกปรับลดงบประมาณ[/caption]
กรอบวงเงินลงทุนรวม 9,578.75 ล้านบาท แบ่งออกเป็น เงินอุดหนุนรวม 1,249.958 ล้านบาท เงินกู้ภายในประเทศ 7,113.570 ล้านบาท และเงินรายได้ของ กคช.จำนวน 1,214.224 ล้านบาท ซึ่งหมายรวมถึงโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ ตามมติสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เมื่อ 3 ตุลาคม 2556 เอาไว้ด้วย
ทั้งนี้ จากข้อมูล กคช. ระบุว่า จากการดำเนินการขายโครงการก่อนการดำเนินการก่อสร้างภายใต้มาตรการขายโครงการร้อยละ 50 ของหน่วยก่อสร้างแต่ละโครงการ ผลการขายตั้งแต่ 27 กันยายน 2557 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 รวมทั้งสิ้น 12,519 หน่วย คิดเป็น 86.50 %
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ที่ประชุม ครม. ได้มีมติที่เกี่ยวข้องออกมาหลายประการ อาทิ มติ ครม. เมื่อ 12 มกราคม 2559 เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ.2559-2568) โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยยึดแนวทางตามหลักการที่ ครม.กำหนดให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ให้คำนึงถึงสภาพขนาด และรูปแบบที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว เส้นทางคมนาคม ความพร้อมทางการเงิน และแนวทางร่วมมือกับภาคเอกชนในการดำเนินการในอนาคต
และมติ ครม. เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 เห็นชอบการปรับรูปแบบอาคารโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557 จำนวน 5 โครงการ 598 หน่วย ให้ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการปรับโอนวงเงินลงทุนเหลือจ่ายระหว่างโครงการย่อย ภายใต้กรอบการลงทุนโครงการดังกล่าว เป็นต้น
เปิด 3 ปัจจัยกระทบไม่บรรลุเป้า
ในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พม. รายงานว่า มีจำนวน 5 โครงการ รวม 598 หน่วย ที่ไม่บรรลุตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งทั้งหมดเป็นโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชนหารายได้ ประกอบด้วย 1.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดสมุทรปราการ (บางโฉลงทาวน์โฮม) 2.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะที่ 1
3.โครงการเคหะการชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ้อมค่าย) 4.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดภูเก็ต 2 และ5.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด)
นอกจากนี้ พม.ยังระบุสาเหตุหลักที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการดังกล่าวว่า เกิดจาก 1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจส่งผลให้กำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางลดลง และ 2.สถานการณ์ทางการเมืองในปี 2556-2557 ที่ส่งผลต่อการอนุมัติโครงการทำให้สถานการณ์ด้านการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯหารายได้ ตัดสินใจซื้อโครงการที่ลงทุนพัฒนาโดยภาคเอกชนส่งผลให้การขายโครงการไม่เป็นไปตามแผน
รวมถึงกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ต้องการเห็นการดำเนินการก่อสร้างโครงการเพื่อความมั่นใจในการซื้อโครงการ ทำให้โครงการที่ไม่มีการก่อสร้างระหว่างการขายอันเนื่องมาจากมาตรการขาย 50 % มียอดขายน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
ปรับรูปแบบ 3 โครงการ/ ชะลอ 2
อย่างไรก็ดี เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 ได้ตามวัตถุประสงค์และแผนงาน สนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายของโครงการ และแก้ไขปัญหาโครงการที่ยังไม่สามารถดำเนินโครงการได้ตามแผนงาน ในการประชุม ครม. เมื่อ 5 กรกฎาคม จึงได้มีมติเห็นชอบการปรับลดกรอบวงเงินลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 จาก 9,577.752 ล้านบาท เป็น 8,579.907 ล้านบาท และปรับลดเป้าหมายหน่วยก่อสร้างจาก 16,146 หน่วย เป็น 15,676 หน่วย โดยเห็นชอบให้ปรับรูปแบบอาคารโครงการดังกล่าวจำนวน 3 โครงการ คือ
1.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 14 หน่วย ปรับจากทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 154 ตารางเมตร ขนาดแปลงมาตรฐาน 24.3 ตารางวา เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 95 ตารางเมตร ขนาดแปลงมาตรฐาน 24.3 ตารางวา
2.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดเพชรบูรณ์ระยะที่ 1 จำนวน 72 หน่วย ปรับจากบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 82 ตารางเมตร แปลงมาตรฐาน 50 ตารางวา จำนวน 64 หน่วย และคงรูปแบบเดิม จำนวน 8 หน่วย เนื่องจากมีผู้ซื้ออยู่แล้ว
3.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ้อมค่าย) จำนวน 42 หน่วย ปรับจากอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร ขนาดแปลงมาตรฐาน 20 ตารางวา เป็น ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 130 ตารางเมตร ขนาดแปลงมาตรฐาน 20 ตารางวา และคงรูปแบบเดิม จำนวน 8 หน่วย เนื่องจากมีผู้ซื้ออยู่แล้ว ทั้งนี้ ให้คงสัดส่วนการขายก่อนก่อสร้างที่ร้อยละ 50 ของจำนวนหน่วยก่อสร้าง ซึ่งการปรับรูปแบบอาคารยังอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ พื้นที่ดำเนินการ และกรอบวงเงินลงทุนที่ครม.อนุมัติไว้
ขณะที่อีก 2 โครงการให้ชะลอการดำเนินโครงการ คือ 1.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดภูเก็ต 2 จำนวน 354 หน่วย และ 2.โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้จังหวัดเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด) จำนวน 116 หน่วย
และเห็นชอบให้คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการปรับโอนเงินลงทุนเหลือจ่ายระหว่างโครงการย่อยภายใต้กรอบการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557 ที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.ในกรณีที่ไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินลงทุนโครงการรวมและรายงานการปรับโอนเงินเหลือจ่ายและผลกระทบให้กระทรวงต้นสังกัด กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินโครงการต่อไป
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,174 วันที่ 14 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559