วันนี้ (5 ก.พ.66) ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง เขตหลักสี่ กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค และสมาชิกพรรค ร่วมกันเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งและศูนย์ประสานงานของพรรคที่เขตหลักสี่ ที่นำโดย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขตหลักสี่ ด้วยบรรยากาศคึกคัก มีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างหนาแน่น
นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ไม่เคยลืมพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และให้ความสำคัญกับกรุงเทพมหานครเสมอ เพราะพี่น้องชาวกรุงเทพฯ คือลมหายใจของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ ที่ทำให้พรรคอยู่ยั้งยืนยงมาถึงวันนี้ 76 ปี
วันนี้ถือว่าเป็นอีกปรากฏการณ์หนึ่ง ที่สะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเราชาวประชาธิปัตย์ที่จะรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ โดยการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้งของพรรค และน่าจะเป็นแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่เขตหลักสี่ พร้อมกับมั่นใจว่าพี่น้องประชาชนจะไม่ทิ้งพวกเรา และในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้จะช่วยกันสนับสนุน เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ “คัมแบค” กลับมารับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ อีกวาระหนึ่ง
“วันนี้ถือเป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่ง ของการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งในปีนี้แน่นอน ไม่ว่าจะอยู่ครบเทอม หรือจะมีการยุบสภาก่อนก็ตาม การเลือกตั้งก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีขึ้นภายในปีนี้
และวันนี้ถือเป็นการเปิดศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ที่น่าจะพูดได้เลยว่าเป็นแห่งแรกของทุกพรรคการเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์เขตหลักสี่ ที่มี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม เป็นตัวแทนของพรรค และลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตนี้”
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า การตั้งศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง เป็นการสะท้อนความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นพรรคการเมืองที่พร้อมเสนอตัวรับใช้ประชาชน และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางให้กับชาวกรุงเทพมหานคร ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมตั้งแต่ตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง นโยบาย ผลงานของพรรค และพร้อมเรื่องบริหารจัดการ เพื่อเดินหน้านำทัพไปรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งที่จะมาถึง
“เรื่องตัวบุคคล วันนี้ประชาธิปัตย์กรุงเทพฯ มีผู้สมัครครบแล้วทั้ง 30 เขต แต่เที่ยวหน้า กรุงเทพฯ เพิ่มอีก 3 เขต เป็น 33 เขต ขณะนี้นอกจากมีผู้สมัคร 30 คนแล้ว ยังบวกอีก 10 คน จึงเป็นเรื่องที่รองหัวหน้าพรรค กรุงเทพมหานคร และทีมงานกรุงเทพฯ จะต้องพิจารณาต่อไปว่าบุคคลที่เหมาะสม และทางเลือกที่ดีที่สุดที่ประชาธิปัตย์จะเสนอให้พี่น้องชาว กทม. ควรจะเป็น 3 คนไหนที่พรรคจะนำเสนอ แต่ผมยืนยันได้ว่าประชาธิปัตย์จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดที่จะนำเสนอให้ชาว กทม.”
นายจุรินทร์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องนโยบายในการเลือกตั้งที่จะมาถึงของพรรคประชาธิปัตย์คือ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” และถือว่าเป็นภาพรวมยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์หากได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่าให้กับคนไทยทั้งประเทศต่อไป
กรุงเทพมหานคร มีชุมชนทั้งหมดกว่า 2,000 ชุมชน ประชาธิปัตย์ถ้าได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งธนาคารชุมชน กรุงเทพมหานคร ขึ้นมาทุกชุมชน ๆ ละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แต่ละชุมชน ได้เข้าถึงและนำไปพัฒนาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ให้กับครอบครัวต่อไป
สำหรับ นมโรงเรียน ประชาธิปัตย์ซึ่งได้เริ่มต้นนโยบายตั้งแต่สมัยท่านชวน เราให้กินนมโรงเรียนฟรี แต่มาถึงวันนี้ทำได้จำกัดแค่ 280 วัน ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะฟรีนมโรงเรียนทั้ง 365 วัน และอีกไม่นานเราจะประกาศนโยบาย สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ เวอร์ชั่น กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะขึ้นมาอีกด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวทิ้งท้ายแสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์โควิดว่า อย่าเพิ่งลืม ทุกวันนี้มันยังอยู่กับเรา และใน 2-3 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองที่อยู่กับพี่น้องชาว กทม. ที่ร่วมเผชิญภัยโควิดและเข้ามาดูแลพี่น้องชาว กทม. อย่างต่อเนื่องก็คือ พรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะการมีศูนย์ ศปฉ. ปชป. สำหรับทำหน้าที่ประสานงานช่วยเหลือชาว กทม. ด้านโควิด ตั้งแต่เรื่องการประสานส่งต่อผู้ป่วยและหาเตียง กว่า 5,000 เตียง การแจกจ่ายหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น การทำเดลิเวอรี่ ข้าวกล่องส่งตรงถึงบ้าน ไปจนถึงว่าที่ผู้สมัครของพรรคเดินพบปะดูแล ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ มอบถุงน้ำใจ ปชป. อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งภาพเหล่านี้ยังคงติดตาตรึงใจพี่น้องชาวกรุงเทพฯ
“อย่างน้อยที่สุดยามยาก ยามพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ทุกข์ ประชาธิปัตย์ไม่เคยหายไปไหน ยังอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับชาวกรุงเทพฯ เสมอ แม้ผลการเลือกตั้งจะได้มากบ้างน้อยบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครได้มากตลอดกาล หรือได้น้อยตลอดกาล ประชาธิปัตย์ก็เหมือนกัน” นายจุรินทร์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ นายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะได้นำคณะเอกชน และเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรตต์ (UAE) เพื่อพบรัฐมนตรีการค้า และภาคเอกชน ซึ่งประเทศดังกล่าวเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในทวีปตะวันออกกลาง และเป็นตลาดสำคัญในอนาคต
“ไป 2 วัน ไปเร็ว เคลมเร็ว ทำได้ไวทำได้จริง เพื่อทำนโยบายรัฐบาล และนโยบายประชาธิปัตย์ให้เป็นจริง อย่างน้อยเป็นการสร้างเงิน และสร้างอนาคตไว้ให้ประเทศไทย เพราะจะทำรายได้เข้าประเทศเฉพาะเที่ยวนี้อย่างน้อย 3 หมื่นล้านบาท พวกเราทั้งหมดกำลังทำสิ่งนี้ให้เห็น ไม่ใช่คิดจะทำในวันข้างหน้า ล่องลอยอยู่ในความฝัน ล่องลอยอยู่ในอวกาศ แต่เป็นสิ่งที่เราทำมาแล้ว กำลังทำ และจะทำต่อไปในอนาคต หากพี่น้องให้โอกาส” นายจุรินทร์ ระบุ