นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แสดงความเห็นต่อสถานการณ์การเมืองช่วงใกล้เลือกตั้ง โดยคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะยุบสภาก่อนครบวาระ อาจเป็นช่วงวันที่ 15 มีนาคม
หลังจากนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดให้มีการเลือกตั้ง 7 พ.ค. แต่จะพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อน โดยเฉพาะกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับงบการเงิน ซึ่งหากฝ่ายค้านรวมเสียงได้มากกว่าฝ่ายรัฐบาล ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายลักษณะนี้ นายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบและเรื่องดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
รองประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า ขอฝากไปยัง กกต. ให้ควบคุมการเลือกต้้ง ให้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีการใช้อำนาจ ผลประโยชน์ ซื้อตัว ส.ส. ที่ อาจนำไปสู่การทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงได้
ดังนั้นกกต. ต้องมีมาตรการเชิงรุกที่จะแก้ไขปัญหา ควบคุมการเลือกตั้งให้สุจริตให้ได้ ควรสร้างเครือข่ายลงไปถึงพื้นที่โดยเฉพาะกรรมการประจำหน่วย ที่จะต้องมีความหลากหลาย ข้าราชการทุกกระทรวงจะต้องเข้ามามีส่วนร่วม ประชาชนร่วมเป็นหูเป็นตา สังเกตการณ์เลือกตั้งป้องกันการทุจริต
หากเลือกตั้งสุจริตจะได้ผู้แทนที่มีคุณภาพ และจะมีรัฐบาลที่ชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป
นายชินวรณ์ กล่าวถึงปัญหาการประชุมร่วมกันของรัฐสภาล่ม ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ว่า เป็นเพราะอคติของบางฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย หรือญัตติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะเป็นญัตติสุดท้ายที่รัฐสภาจะได้พิจารณา และการที่ ส.ส. ส.ว. ลาประชุมนับ 100 คน ถือว่าทำให้ภาพลักษณ์ของสภาฯเสียหาย สะท้อนการทำงานของสมาชิก
หากการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติปราศจากอคติ จะสามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าสถานการณ์การเมืองจะเป็นเช่นไรแต่หน้าที่ ความเป็นสมาชิกรัฐสภาถือว่าสำคัญที่สุด
ทั้งนี้เวลาเหลือก่อนหมดวาระ ก็สามารถขอเปิดประชุมเพื่อพิจารณา เรื่องที่ค้างอยู่ได้ จึงขอให้สมาชิกทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ และจากการหารือกับ วุฒิสภาและ ส.ส. รัฐบาล เห็นด้วยให้นำร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติมาพิจารณาในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ส่วนฝ่ายค้านแม้ไม่เห็นด้วยกับร่างกฏหมายฉบับนี้แต่ก็จะอยู่เป็นองค์ประชุมเพื่อให้พิจารณาได้