ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ที่ประชุม ครม. รับทราบ ตามกำหนดการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดไว้ จะมีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งในช่วงเดือนมีนาคม 2566 และกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 โดยต้องให้เวลาหน่วยงานหลาย ๆ ส่วนดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
ไทม์ไลน์ที่ชัดเจนดังกล่าว ส่งผลปี่กลองการเมืองรับศึกเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ในเวลานี้ดังกระหึ่มไปทั่วประเทศ ในมุมมองของผู้นำภาคเอกชนต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรนั้น “นายสนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์คำต่อคำ กับสื่อเครือเนชั่น และฐานเศรษฐกิจใน 4 คำถาม ดังนี้
การเลือกตั้งก็มีความชัดเจนแล้ว ก็จะเป็นผลดีกับประชาชนของไทย โดยเฉพาะทางด้านเอกชนการเลือกตั้งครั้งนี้จะสร้างความเชื่อมั่น ไม่เพียงแต่คนไทย แต่ยังรวมถึงต่างชาติ และทั่วโลกได้รับรู้ด้วย ขณะเดียวกันเราอยากให้หลังจากเลือกตั้งแล้ว ขอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ และขณะเดียวกันทุกรัฐบาลที่มา ก็คงจะดูแลเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นหลัก รวมถึงขณะนี้เศรษฐกิจของโลกผันผวน อยากให้เอกชนได้มีส่วนร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันเรื่องเฉพาะกิจต่าง ๆ รวมถึงให้การสนับสนุน และมีความร่วมมือที่ดีกับภาคเอกชน
ต้องการให้เข้าไปดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ตอนนี้ประเทศกำลังฟื้น เขาต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้เร็วที่สุด รวมถึงการอำนวยความสะดวก และการให้การสนับสนุนเอสเอ็มอีเหล่านี้ ส่วนบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความเข้มแข็ง ที่ผ่านมาเขาก็คอยสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีอยู่แล้ว สิ่งสำคัญก็อยากให้ภาครัฐดูแลในส่วนนี้ ส่วนในเรื่องงบประมาณสำหรับยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ก็อยากให้เร่งดำเนินการต่อเนื่อง
จะต้องมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างที่รัฐบาลทำมาในเรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยวคิดว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมาก ๆ ขณะเดียวกันจะต้องรู้ว่างบประมาณส่วนใดที่รัฐบาลจะต้องลงทุน หรือจะไปดึงต่างชาติให้มาลงทุนให้เร็วที่สุด ในส่วนนี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยที่ตอนนี้กำลังฟื้นอยู่แล้ว จะทำให้ฟื้นได้อย่างรวดเร็วขึ้น
“เศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังเปราะบางมากและน่าห่วง จากผลพวงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ราคาพลังงาน เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูง ในส่วนของไทยถือว่ายังดี และจะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ ซึ่งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินไว้ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในครั้งนี้ประมาณ 80,000 ล้านบาท เงินเหล่านี้จะเข้าไปถึงคนรากหญ้า จากนักการเมืองจะเอาเงินออกมาใช้จ่าย จากเวลานี้กำลังซื้อของคนรากหญ้า หรือขนาดกลางที่ลงมาต่ำกว่านั้นหน่อยก็ยังไม่มีกำลังซื้อ เพราะฉะนั้นเงินส่วนนี้ก็จะเข้ามา ก็จะช่วยได้ระดับหนึ่ง” นายสนั่นกล่าว