“สุดารัตน์”ชู 30 บาทพลัส ปั้นไทยชิงแชร์ ฮับสุขภาพโลก156 ล้านล้าน

25 ก.พ. 2566 | 05:47 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.พ. 2566 | 06:02 น.

“สุดารัตน์”โชว์นโยบายรองรับสังคมสูงวัย ปฎิวัติระบบสาธารณสุขไทยด้วยเทคโนโลยี ชู 30 บาทพลัส สุขภาพดีถ้วนหน้า ประกาศชิงส่วนแบ่งตลาดฮับสุขภาพโลก156 ล้านล้านบาท

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย   กล่าวในงานสัมมนา Dinner Talk “THANX Forum 2023 : Health & Wellness Sustainability” ในหัวข้อ “นโยบายไทย : ศูนย์กลางการแพทย์อย่างยั่งยืน” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า จากที่เคยเป็นผู้ปฎิบัติงานในการผลักดันโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค 4  ปีเต็ม ผ่านมา 22 ปี แล้ว   วันนี้เราต้องมุ่งสร้าง Wellbeing Society ให้คนไทยทั่วประเทศ

 
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ระบบสาธารณสุขไทย จ่ายเงินมาก แต่ประสิทธิภาพน้อย  เรายังไม่พร้อมรับมือสังคมผู้สูงวัย ลองดูค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทย  ปี 2544  เราจ่าย 157,228 ล้านบาท  ปี 2564 จ่าย 682,401 ล้านบาท  เพิ่ม 334 % ในช่วง 20 ปี

ขณะที่บุคลากร เพิ่มขึ้นเกือบ 100%  แพทย์ จาก 18,000  คน เป็น 38,000 คน พยาบาล จาก77,000  คน เป็น180,000 คน  ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ต้องดูประสิทธิภาพเป็นอย่างไร 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

 

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่า ประชากรไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น จากปีก่อนหน้าทุกปี เกือบ 20 %   กรณีแม่ตายขณะคลอด พบว่า ในปี 2544 มี 13 ต่อแสนประชากร ในปี 2564 มี 26 ต่อแสนประชากร ขณะที่คนสูงวัยมากขึ้น แต่เด็กเกิดใหม่ลดลง คลอดแล้วมีปัญหาการกระทำที่รุนแรงต่อเด็ก  ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมาก
 
จะเห็นได้ว่า คนไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์  โดยประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกในโลก ที่มีสัดส่วนประชากรของผู้สูงวัยสูงสูงที่สุดในโลก  ที่สำคัญผู้สูงวัยของไทย แก่ก่อนรวย  และสุขภาพไม่ดี  เราต้องเสียค่ารักษาพยาบาลปีละ หลายแสนล้านบาท


ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) 12.1 ล้านคน คิดเป็น 20 %ของประชากรไทย  อีก 15 ปี จะเพิ่มเป็น 20.8 ล้านบาท หรือ 31 % ของประชากรทั้งประเทศ  นี่คือปัญหาที่ต้องรองรับ
ขณะที่ระบบสาธารณสุขเก่าดูแลได้แค่ไหน จากบริบทของ 30 บาทรักษาทุกโรค มีเรื่องของการรักษาเป็นหลักคือ  Health Care Service  เป็นหลัก ซึ่งมีความสำคัญแค่ 20 % วันนี้เราจะปฎิวัติระบบสาธารณสุข จาก Sick Care เป็น Health Care

 

“สุดารัตน์”ชู 30 บาทพลัส ปั้นไทยชิงแชร์ ฮับสุขภาพโลก156 ล้านล้าน

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า  22 ปีของการรักษา 30 บาทรักษาทุกโรค คนยากจนเข้าถึงการรักษา เราต้องเข้าถึงการรักษาแบบเท่าเทียมและทั่วถึง  เมื่อ22 ปีที่ผ่านมาบริบทดีมาก  แต่วันนี้เปลี่ยนหมดแล้ว เราจึงต้องเปลี่ยนแนวคิด เราต้องปฎิวัติระบบคิดของสาธารสุขทั้งหมด  จากเดิมเราตั้งรับ  แต่วันนี้การเข้าถึงการรักษาอาจมีปัญหา  แต่ประชาชนเข้าถึงการรักษา

การที่จะสร้างคนให้แข็งแรงก่อนป่วย เรามองถึงการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI ) เข้าถึงการแพทย์ เราเริ่มบริบทใหม่ของการแพทย์และการสาธารสุขไทย จากการตั้งรับ  22 ปี จาก 30  บาทรักษาทุกโรค   แต่วันนี้เราต้องก้าวไปสู่ Wellbeing Society  ให้ได้ และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทัศน์ใหม่  จาก 30 บาทรักษาทุกโรค กลายเป็น 30 บาท PLUS  สุขภาพดีถ้วนหน้า  


และต้องเปลี่ยนบริบทใหม่ทั้งหมด ขอเสนอ เราต้อง DIY Healthcare  ช่วงโควิด มีประโยชน์กับเรามาก และมันจะต้องอยู่กับเราต่อไป เราต้องยกเครื่องใช้เทคโนโลยีทั้งระบบ และต้องทำร่วมกับ 30 บาท PLUS  สุขภาพดีถ้วนหน้า  กับบำนาญประชาชน 30 บาท เพราะเราเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย


ที่สำคัญคือ อีก 15 ปี ข้างหน้า เราจะมีประชากรสูงวัยไทย  อีก 15 ปี จะเพิ่มเป็น 20.8 ล้านบาท หรือ 31 % ของประชากรทั้งประเทศ ต้องทำให้คนแก่แข็งแรง  มีอายุยืน เราจะมีศูนย์สร้างสุขภาพประจำหมู่บ้าน เราจะมีบำนาญประชาชน 3,000 บาท ดูแลสังคมสูงวัยให้แข็งแรง จะมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI)มาใช้อย่างครบวงจน และจริงจัง บริหารจัดการใหม่ ซึ่งจะช่วยในการคัดกรองข้อมูล ประชาชนไม่ต้องรอคิว ช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น  ลดการใช้งบประมาณดูแลคนสูงวัย


สิ่งที่เราเห็นและใช้อยู่คือ  ChatGPT คือ AI chatbot  หรือปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสื่อสารผ่านข้อความได้ง่ายเป็นธรรมชาติ
ChatGPT สามารถทำข้อสอบ วัดความรู้และทักษะทางการแพทย์ให้ความแม่นยำที่ร้อยละ75 มีความสอดคล้องกับความต้องการ  เชี่ยวชาญทุกอย่าง มีคะแนนสูงเป็นท็อป


คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า  พรรคไทยสร้างไทยจะใช้ AI ทางการแพทย์มาพลิกโฉมระบบสาธารณสุขของประเทศ ไทยสร้างไทยจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง  คนไทยทุกคนจะต้องมีหมอประจำตัว มีโมบายด๊อกเตอร์ติดตัวตลอดเวลา โดยใช้ ChatGPT  คุยกับโมบายด๊อกเตอร์ ได้ 24 ชั่วโมง บอกแพทย์เฉพาะทางได้


วันนี้เราต้องสร้างเขื่อน สร้างกำแพงให้เราไม่ป่วย  ต้องแข็งแรงก่อนป่วยด้วยเทคโนโลยีที่เรามี ถึงเวลาที่เราจะเปลี่ยนจาก 30 บาทรักษาทุกโรค  ถึงเวลาพัฒนาสู่ 30 บาท PLUS  สุขภาพดีถ้วนหน้า   สร้างWellbeing Society  เปลี่ยนจาก Sick Care เป็น Health Care เพราะไม่เช่นนั้นในปี 2574 ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจะสูง  1.4 ล้านล้านบาท เราไปไม่ไหวแน่


เมื่อเราดูแลสุขภาพคนไทยได้ดีแล้ว เราจะเปลี่ยนจาก Medical Hub เป็น Wellbeing Hub ของคนทั้งโลก ที่ต้องมาใช้ในประเทศไทย เจาะตลาดสุขภาพ 156 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่าตลาดการท่องเที่ยวถึงสองเท่า  ตลาดท่องเที่ยวแค่ 76 ล้านล้านบาท


วันนี้ประเทศไทยต้องเป็น Personalize Wellbeing Experience ของคนทั้งโลก มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ ดูแลนักท่องเที่ยวที่ผ่าน Predictive Machine Learning (PML)วิเคราะห์สุขภาพจากแบบสอบถามก่อนประเทศ เป็นการจัดการความเสี่ยง ป้องกันโรค และเป็นการดูแลนักท่องเที่ยว


เราจะมีรายได้จากการขายสุขภาพที่ดี ให้เป็น Wellbeing ของคนทั้งโลก อย่างน้อยจำนวน 1.2-1.5 ล้านล้านบาท ที่จะเป็นรายได้ เป็นการปฎิวัติระบบสาธารณสุขด้วยการใช้เทคโนโลยี เปลี่ยนแนวคิดจากการรอให้ป่วยแล้วไปรักษา 


ในตอนท้าย คุณหญิงสุดารัตน์ สรุปว่า  เราต้องการสร้าง Wellbeing Society  สำหรับคนไทยทุกคน ด้วยการใช้เทคโนโลยี การทำงานเชิงรุกด้านสุขภาพด้วย Personalize  ที่สามารถดีไซต์สุขภาพแต่ละคนได้ และเราก็เป็น Global Wellbeing Hub ของโลก