นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ กทม.สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า จากการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐได้ 12 ที่นั่ง ถือว่าเกิน 1 ใน 3 โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคมีเป้าหมายรักษาที่นั่งเดิมให้ได้ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ของพื้นที่ กทม.ที่มีลักษณะแตกต่างกับพื้นที่อื่น ประชากรอาจจะไม่ได้ตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่นโยบาย อาจตัดสินใจที่ตัวผู้สมัคร หรือจุดยืนของพรรคการเมือง
ดังนั้น ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมีนโยบาย ที่ต้องการทำให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดัก หลุดจากความเป็นขั้วทางการเมืองที่ทะเลาะกันมาร่วม 20 ปี ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯมักเปิดโอกาสให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสมอ แต่การให้โอกาสกลับกลายเป็นความขัดแย้งขึ้นมาอีก แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการทำงานเพื่อประชาชน ไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร
ถามถึงกระแสข่าวการจับขั้วทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย นางนฤมล กล่าวว่า พลังประชารัฐไม่มีการเปิดดีลกับพรรรเพื่อไทย หรือพรรคการเมืองอื่น กระแสข่าวที่ออกมาเป็นการคาดการณ์ของคนนอก พร้อมยืนยันว่า ไม่มีพรรคการเมืองใดมาพูดคุยกันล่วงหน้า เพราะต้องรอดูผลการเลือกตั้ง
ถ้าเกิดมีการจับมือกัน คงต้องมีการหลบเลี่ยง ให้กันในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ แต่พรรคพลังประชารัฐส่งผู้สมัครลงสู้ทุกเขต อย่างเช่น พื้นที่ในภาคอีสานพรรคเราก็สู้กับพรรคเพื่อไทย จึงไม่มีดีลอะไรอย่างที่ว่าแน่นอน พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนที่จะทำงานร่วมกับทุกพรรคได้ เพราะขั้วของพรรคคือประชาชนและต้องการยุติความขัดแย้งในประเทศเสียที
" มั่นใจว่าหากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำความสงบให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ประชาชนจะได้เห็นภาพการเมืองไทยที่สงบนิ่ง และก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง ซึ่งจะทำให้เกิดเสถียรภาพทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ส่งผลให้ประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้
ทุกคนในพรรคเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประวิตร มีจุดเด่นคือ ความตั้งใจที่จะทำงานจริงให้กับประชาชน การทำงานของท่าน คือ การเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าเอาว่าเป็นพวกใคร ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ต้องทำให้ ไม่ใช่ให้ทำในสิ่งที่พรรคได้เปรียบ จึงเป็นจุดเด่นที่สำคัญ ที่จะเป็นผู้นำพาประเทศ เพื่อขจัดความขัดแย้ง" นางนฤมล กล่าว