เย็นวันนี้ (4 มี.ค.66 ) ที่ จ.พัทลุง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำขุนพลพรรค ตั้งแต่ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรค นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรค นายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย ร่วมกันเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส พัทลุง ทั้ง 3 เขต พร้อมกับปราศรัย “ประชาธิปัตย์ ยุคใหม่ โอกาสใต้บ้านเรา” ที่สนามโรงเรียนพัทลุง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง
โดยผู้สมัครเขต 1 คือ นางสาวสุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง 2 สมัย
ผู้สมัครเขต 2 ดร.เดย์ ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี
ผู้สมัครเขต 3 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์
นายจุรินทร์ กล่าวปราศรัยว่า “พี่น้องชาวพัทลุงที่เคารพรักทุกท่านครับ วันนี้ผมดูไปข้างหลังนี่เต็มหมด วันนี้คิดว่าไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ขอบคุณชาวพัทลุงทุกคนที่มาให้กำลังใจกับพวกเราชาวประชาธิปัตย์ มาพัทลุงทีไรก็อบอุ่นคึกคักทุกครั้ง วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้มีโอกาสมาพบกับพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย
วันนี้ตั้งใจ นอกจากมาเปิดตัวผู้สมัคร 3 คนของประชาธิปัตย์แล้ว สำคัญที่สุดก็คือตั้งใจมาขอบคุณพี่น้องชาวพัทลุงทุกคน ที่ตลอดอนาคตทางการเมืองของประชาธิปัตย์นับเนื่อง ไม่ต้องย้อนไปไกล นับเฉพาะตั้งแต่ปี 18 มาจนถึงวันนี้ นับได้แล้ว 48 ปี เลือกตั้ง 13 ครั้ง ไม่มีครั้งไหนที่คนพัทลุงไม่เลือกประชาธิปัตย์เลย
และเลือกตั้งมา 13 ครั้ง ประชาธิปัตย์ยกทีม 10 ครั้ง
นี่ยังไม่นับเที่ยวหน้า เที่ยวหน้าปีนี้ที่เลือกกัน เราจะนับเป็น 11 ครั้ง เลือกตั้งเที่ยวหน้า หลายคนคงขึ้นมาพูดกับพี่น้องแล้ว ไม่เหมือนเที่ยวที่แล้ว เที่ยวที่แล้วบัตรใบเดียว เอาคนกับพรรคมามัดรวมกันเหมือนกับข้าวต้มมัด แล้วบังคับให้พี่น้องเลือกได้คะแนนเดียว
พี่น้องจะเลือกคนแยกกับเลือกพรรคไม่ได้ นั่นรัฐธรรมนูญเขาบังคับ แต่มาวันนี้มีการแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ให้มีการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ใบหนึ่งเลือกคน ใบที่ 2 เลือกพรรค ให้พี่น้องมีเสรีภาพมากขึ้น และพรรคการเมืองที่แก้รัฐธรรมนูญให้เสรีภาพพี่น้องกลายเป็นบัตร 2 ใบคือพรรคประชาธิปัตย์
ส.ส. เที่ยวหน้ามี 500 คน แบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทที่ 1 เรียกว่า ส.ส. เขตมี 400 คน 400 เขต แปลว่าเขตละ 1 คน ส.ส. ประเภทที่ 2 คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือที่เราเข้าใจว่าเป็นปาร์ตี้ลิสต์ เวลาพี่น้องไปลงคะแนน พี่น้องจะได้รับบัตร 2 ใบ ใบที่ 1 เลือก ส.ส.เขต พัทลุงเที่ยวหน้ามี 3 เขต
พี่น้องก็ดูว่าเขตของพี่น้องใครลงสมัครรับเลือกตั้งในพรรคประชาธิปัตย์ พี่น้องก็กาคนๆ นั้น เป็น ส.ส. เขตของพี่น้อง ใครมาที่ 1 ได้เป็นผู้แทนในแต่ละเขตแต่ถ้าใครได้ที่ 2 เป็นต้นไป ตกหมด
เพราะฉะนั้น ส.ส. เขตต้องได้ที่ 1 เท่านั้น นั่นคือบัตรใบแรก
บัตรใบที่ 2 คือ บัตรที่ให้พี่น้องเลือกพรรค เขาจะเอาชื่อพรรคมาเรียงกันทั้งหมด ประชาธิปัตย์ก็จะเป็นหนึ่งในนั้น ได้เบอร์อะไร ยังไม่รู้ ต้องคอยสมัครเสียก่อน แต่ถ้าพี่น้องกาประชาธิปัตย์ พี่น้องก็กาเบอร์หน้าคำว่าพรรคประชาธิปัตย์
เลือกพรรคประชาธิปัตย์เพื่ออะไร เพื่อให้เขาเอาไปคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อที่มีอยู่ 100 คนทั่วทั้งประเทศ ซึ่งประชาธิปัตย์ส่งครบ 100 คนแน่นอน เวลาคำนวณว่าประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อกี่คน เขาจะดูจากเปอร์เซ็นต์ของคนที่มาลงคะแนนทั้งประเทศ
ถ้าทั้งประเทศมีคนมาลงคะแนน 40 ล้านคน ใคร พรรคไหนได้ 40 ล้านเสียง พรรคนั้นก็ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100% ไปเลย แปลว่าได้ผู้แทนบัญชีรายชื่อ 100 คน เพราะไม่เหลือให้เพื่อนสักคะแนนเดียว แต่ถ้าพรรคไหนเกิดได้ 40% ก็แปลว่าพรรคนั้นได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 40 คน
เที่ยวหน้าถ้าประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. เขต 70 และสมมุติว่า ประชาธิปัตย์ได้คะแนนบัญชีรายชื่อของพรรค 30% ประชาธิปัตย์ ก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 30 คน เอาบัญชีรายชื่อ 30 บวกกับเขต 70 เขต ประชาธิปัตย์ก็จะได้ ส.ส. รวมกัน 100 คน นี่คือวิธีคิดคะแนน ผมบอกพี่น้องยืดยาวเพื่อจะบอกว่า บัตรทั้ง 2 ใบ จึงมีความสำคัญวันนี้มาขอพี่น้องว่า ในวันเลือกตั้ง ถ้าพี่น้องได้บัตร 2 ใบ ให้พี่น้องเลือก ทั้งคนทั้งพรรค ทั้ง 2 ใบ ในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. มากที่สุด จะได้ไปทำหน้าที่ตั้งรัฐบาลมารับใช้พี่น้องชาวพัทลุงต่อไปในอนาคต
แต่ว่าใครติดตามการเมือง พี่น้องคงเห็นแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินเรื่องหนึ่ง ตัดสินว่าการคำนวณจำนวนประชากร มาคิดว่าจังหวัดไหนได้ผู้แทนกี่คน ห้ามเอาต่างด้าวมาคำนวณรวมด้วย เพราะที่ผ่านมาเอาต่างด้าวมารวมกัน ทำให้คนไทยคิดสัดส่วนแล้วมันเพี้ยนไปในแต่ละจังหวัด
เพราะฉะนั้น กกต. จะต้องแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ทั่วทั้งประเทศ และปรากฏว่าปักษ์ใต้บ้านเรา เดิมเลือกตั้งเที่ยวนี้ที่มี 58 เขต 58 คน จะได้เพิ่มมา 2 เขต 2 คน คือที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 คน และจังหวัดปัตตานีอีก 1 คน ปักษ์ใต้เที่ยวน่าจะมี 60 คนครับ ส.ส.
แต่สำหรับจังหวัดพัทลุง เหมือนเดิม มี 3 เขต 3 คน เหมือนเดิม ผมอยากเรียนกับพี่น้องที่เคารพ ว่าเลือกตั้งที่ผ่านมา ปี 62 ต้องขอขอบคุณพี่น้องที่เคารพชาวพัทลุง แม้ว่าเที่ยวที่แล้วก็ผู้แทน 3 คน แต่ 3 คน เที่ยวที่แล้วประชาธิปัตย์ได้ผู้แทนมาคนเดียว ชื่อ นายนริศ ขำนุรักษ์
อีก 2 คน ไม่ได้ แต่เลือกตั้งเที่ยวที่แล้ว แม้ประชาธิปัตย์จะได้ผู้แทนคนเดียว พลาดเสีย 2 คน แต่ประชาธิปัตย์ไม่ลืมบุญคุณพี่น้องชาวพัทลุง เราตอบแทนบุญคุณพี่น้องชาวพัทลุง ที่แม้เลือกเราแค่คนเดียว ตอบแทนด้วยการให้ นริศ ขำนุรักษ์ ผู้แทนพี่น้องเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนริศ ขำนุรักษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่แค่เพื่อตอบแทนคนพัทลุงอย่างเดียว ยังตอบแทนคนมุสลิมทั่วทั้งประเทศด้วย
2. แม้ประชาธิปัตย์จะได้ผู้แทนคนเดียวเที่ยวที่แล้ว นอกจากตอบแทนให้ผู้แทนพี่น้องเป็นรัฐมนตรีแล้ว สุพัชรีธรรมเพชร แม้จะไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ประชาธิปัตย์ก็ตอบแทนคนพัทลุง ด้วยการตั้ง สุพัชรี ธรรมเพชร เป็นเลขารัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข
นี่คือใจพวกเรา นี่คือหัวใจประชาธิปัตย์ ที่ไม่ลืมบุญคุณพี่น้อง ไม่คิดแค่เที่ยวที่แล้ว คิดย้อนไป 13 ครั้งที่มีการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่พี่น้องไม่เคยทิ้งเรา มีโอกาสวันไหน เราจะตอบแทนพี่น้องทุกคน
เลือกตั้งเที่ยวหน้า พัทลุงได้ 3 คน ผมกราบเรียนกับพี่น้องว่าครั้งนี้เป็นครั้งหนึ่งที่ประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดในการเสนอตัวรับใช้คนพัทลุง พร้อมทั้งคน พร้อมทั้งนโยบาย และพร้อมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ที่พร้อมเดินหน้ารับใช้คนพัทลุง
นโยบาย นิพนธ์ บุญญามณี ได้พูดไปบ้างแล้ว และผมเชื่อว่าพวกเราหลายคนได้พูดบ้างแล้ว แต่อย่างน้อย หัวหน้าพรรคมาเองวันนี้ ไม่พูดสักคำก็ไม่ได้ เพื่อยืนยันกับคนพัทลุง ว่าถ้าประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” พาประเทศไทยและพัทลุงไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
และที่ผ่านมารายละเอียดของนโยบาย ประกาศไปแล้ว อย่างน้อย 8 นโยบาย ที่หลายคนขึ้นมาพูด ผมขอทวนแต่หัวข้อนิดนึง 1. ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะเดินหน้า นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ต่อไปจ่ายเงินส่วนต่างให้พี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด โดยเฉพาะพืชเกษตรบ้านเรา พัทลุง ข้าวปาล์ม ยางพารา เราจะเดินหน้าประกันรายได้ต่อไป
และจะพยายามทำให้ราคาพืชเกษตร เศรษฐกิจ 3 ตัวของปักษ์ใต้บ้านเราดีที่สุด วันนี้ข้าวไปเกวียน เหยียบหมื่นแล้วครับ ปาล์ม สมัยก่อน ก่อนผมเข้ามาเป็นรองนายก ก่อนประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ปาล์ม โล 2 บาทกว่า คาอยู่ไม่รู้กี่ปี แต่มาถึงวันนี้ปาล์มไม่ใช่โล 2 บาทครึ่งแล้ว ปาล์มไป 4 บาท 5 บาท 7 บาท 11 บาท 12 ลดลงมาบ้าง ตอนนี้ก็ยังเหลือ 5 บาทกว่า
ยาง แม้ว่าตอนนี้มันมีราคาลดลงมาบ้าง ที่ยางราคาลดลงมามั่งเพราะว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดี สถานการณ์เศรษฐกิจโลกไม่ดีเพราะเศรษฐกิจหลายประเทศสำคัญในโลกเติบโตอัตราน้อยลง เขาเรียกว่าชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้รถยนต์น้อยลง เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนก็ไม่ซื้อรถ คนไม่ซื้อรถ
แล้วเกี่ยวอะไรกับชาวสวนยางบ้านเรา เกี่ยวครับ เพราะรถ 1 คัน ต้องมีล้อ 4 ล้อ สแปร์ 1 ล้อ เป็น 5 ล้อ ถ้าคนไม่ซื้อรถ แล้วยางรถยนต์จะขายได้ยังไง แล้วยางรถยนต์ทำจากไหน ก็ทำจากยางที่กรีดไปจากพัทลุง กับปักษ์ใต้ อีสานบ้านเรา
เพราะฉะนั้นพอรถขายไม่ดี เพราะเศรษฐกิจโลกถดถอยมีปัญหา ราคายางก็ลดลงมาบ้าง โควิด ที่นี่ไม่รู้เขาเรียกโคหวิดหรือว่าโควิด แต่โคตัวเดียวกันแหละครับ โควิด ก่อนนี้คนเรียกหาแต่ถุงมือยาง เพราะกลัวโควิดแต่มาถึงวันนี้ โควิดคลี่คลาย ความต้องการขายถุงมือยางทางการแพทย์ลดลงแล้ว พอลดปั๊บ ความต้องการใช้น้ำยางสดบ้านเราน้อยลง เพราะน้ำยางสดบ้านเราเอาไปทำถุงมือยาง
ราคาวันนี้ก็เลยกลายเป็นน้ำยางข้น ผมนั่งดูเมื่อกี้ 50 51 52 อันนี้มาตรฐานนะ อาจจะลง 49 บ้าง 48 บ้าง ราคายางก็ปรับลงมา แต่อย่างน้อยขี้ยางราคายังพอไปได้ ก่อนผมมา ก่อนประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล ขี้ยางโล 10 บาท วันไหนไป 15 บาท ต้องไปแก้บน วันนี้ขี้ยางโลเท่าไหร่ครับ 19 20 21 ครับ นี่คือข้อเท็จจริง
แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกกับพี่น้องตรงนี้ก็คือว่า ไม่ว่ายางมันมีราคาปรับลงมายังไง อย่างน้อยพี่น้องชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์ม มีหลักประกัน ที่บอกว่ามีหลักประกันเพราะมีประกันรายได้ของประชาธิปัตย์
ถ้าวันไหน ขี้ยางต่ำกว่าโล 23 บาท เพราะเราประกันที่โล 23 เช่นลงมาเหลือโล 20 เราจะได้เงินส่วนต่างให้พี่น้อง 3 บาทเพื่อให้พี่น้องมีรายได้ 3 + 20 เป็น 23 บาท ตามรายได้ที่ประกัน
ปาล์ม ถ้าวันไหนต่ำกว่า 4 บาท เพราะเราประกันโล 4 บาท เช่นเหลือ 3 บาท เราจะจ่ายให้พี่น้อง ชดเชยส่วนต่าง 1 บาท เพื่อให้พี่น้องได้ 1 บาทกับราคาขายในตลาด 3 บาท รวมกันเป็น 4 บาทอย่างน้อยตามราคาที่ประกัน นี่คือประกันรายได้ประชาธิปัตย์ที่เป็นหลักประกันให้คนปักษ์ใต้บ้านเรา และถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะเดินหน้านโยบายประกันรายได้เกษตรกร ข้าว ยาง ปาล์ม ต่อไปครับพี่น้อง
2. พัทลุง ผมเชื่อว่ามีชาวนามากพอสมควรที่ปลูกข้าว ประชาธิปัตย์มีนโยบายที่จะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวครัวละ 30,000 บาท นี่คือสิ่งที่อยากประกันกับคนพัทลุง
3. ใครทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐ ใครอยู่ในป่าสงวนบ้าง ยกมือ ตำรวจไม่มีวันนี้ ผมอยากบอกกับพี่น้อง นโยบายประชาธิปัตย์ถ้าเราได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะออกกรรมสิทธิ์ทำกินให้กับผู้ที่ทำกินอยู่ในที่ดินของรัฐทุกคน
4. ใครแค่มีที่ดินเป็นของตัวเอง แต่ขอออกโฉนดมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย ถ้าไม่แบบนี้ แบบนี้ แบบนี้ ชาติหน้าก็ไม่ได้ แต่ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะออกโฉนดให้พี่น้องคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งคนพัทลุง 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี
5. แถวนี้มีประมงมั้ย ประมงพาณิชย์ วันนี้เกลี้ยงหมดแล้ว เศรษฐกิจประเทศเสียหายหลายแสนล้าน เพราะอดีตเราไปออกกฎหมายผูกพันกับสิ่งที่ IUU หรือประเทศสหภาพยุโรปเขาต้องการเรียกร้องให้เราทำ แต่เขาเรียกร้อง 10 เราให้ 15 กลายเป็น 5 ที่เกินไปนี้ ทำประมงพาณิชย์เดี้ยงหมด
ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาลเราจะแก้กฎหมายให้เกณฑ์ทั้งหมดลงมาเหลือแค่ 10 เพื่อให้ประมงพาณิชย์เดินหน้าสร้างเศรษฐกิจให้คนทั้งประเทศได้ต่อไป ใครทำประมงน้ำจืด ประมงท้องถิ่น ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะจัดเงินช่วยเหลือปีละ 100,000 บาทต่อกลุ่มตลอดครับพี่น้อง เพื่อให้ประมงพื้นบ้านเดินหน้าไปได้
และสำคัญ นิพนธ์พูดแล้ว ผมไม่พูดซ้ำ วันนี้นมโรงเรียน ตั้งแต่สมัยท่านชวน อนุบาลถึง ป.4 สมัยอภิสิทธิ์ สมัยนายจุรินทร์เป็นรัฐมนตรีศึกษาต่อมาถึง ป.5 ป.6 แต่ว่ายังกินได้ 280 วัน ต่อไปถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล นมโรงเรียนฟรี 365 วัน
นโยบายสุดท้ายที่จะพูดกับพี่น้อง ถ้าประชาธิปัตย์เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะจัดตั้งธนาคารหมู่บ้าน ทุกหมู่บ้านให้พี่น้องใช้เป็นแหล่งเงิน ในการไปสร้างเงินให้ตัวเองและครอบครัวต่อไปในอนาคต และจะตั้งธนาคารชุมชนในเขตเทศบาล ในเขตน้องแหม่ม ในเขตเมือง ทั้งหมดชุมชนละ หมู่บ้านละ 2 ล้านบาท
นี่คืออย่างน้อยนโยบาย 8 ข้อ และยังมี 9 10 11 12 วันหลังก็ค่อยมาพูด ประชาธิปัตย์จะประกาศต่อไป สำหรับคนเที่ยวนี้ ผมกราบเรียนว่า ประชาธิปัตย์สรรหา คนคุณภาพที่สุดยุคหนึ่งที่มาเสนอตัวรับใช้พี่น้องคนพัทลุง พรรคอื่นยังไม่ประกาศ แต่ประกาศวันไหน พี่น้องเอามาเทียบเรียงกันดู ผมยืนยันมั่นใจผู้สมัครประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน คุณภาพคับแก้ว เหนือเพื่อนทุกคนครับ
1. เขต 1 สุพัชรี ธรรมเพชร น้องแหม่ม สุพัชรีเป็นผู้แทนมา 2 สมัยในนามพรรคประชาธิปัตย์ จบปริญญาโทบริหารธุรกิจจากประเทศออสเตรเลีย นี่หลายคนยังไม่รู้นะ ไม่ใช่ขี้ไก่ เป็นเลขารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข สำคัญ ผมก็เชื่อพี่น้องยังไม่รู้ เคยเป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลามาแล้ว
ผมถึงบอกว่าผู้สมัครประชาธิปัตย์คน คัดมาอย่างดีที่สำคัญ 4 ปี ที่น้องแหม่มไม่ได้รับเลือกตั้งลงพื้นที่ต่อเนื่อง ไม่เคยทิ้งพี่น้องคนพัทลุงเลย กลุ่มสตรี กลุ่มผู้ด้อยโอกาส อสม. น้องแหม่มเข้าไปพบปะมีบทบาทสนับสนุนดูแลตลอดมา 4 ปีเต็มๆ
และสำคัญอีกข้อนึง นี่คือทายาทเพื่อนรักของผม เป็นผู้แทนราษฎรมาใกล้ๆ กัน สุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีตผู้แทน 6 สมัยของประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้นแข่งกับเพื่อนได้ ไม่ด้อยกว่าใคร แล้วเหนือกว่าหลายคน พี่น้องคอยเทียบดู วันหลังพอรู้ว่า เขต 1 พรรคไหนเขาส่งใครบ้าง สุพัชรี ธรรมเพชร ครับ
คนที่ 2 ลงสมัครเขต 2 ดร.เดย์ ดร.ปิยะกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี คนนี้จบปริญญาโทจากอังกฤษ ประเทศอังกฤษ จบปริญญาเอก หลักสูตรนานาชาติจากธรรมศาสตร์ เลยเป็นดอกเตอร์ครับ แล้วก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือ มอ. เหมือนกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าใครถามว่า แล้วเลือก ดร.เดย์ ไปนี่ แล้ว ดร.เดย์ มีความรู้มั้ย เออ ถ้าใครบอกมันไม่รู้ ก็บอกมันว่าจบดอกเตอร์ ก็พอได้แล้วแหละอันนั้น เพราะฉะนั้นคนนี้คุณภาพคับแก้วอีกคนหนึ่ง
ที่สำคัญ ดร.เดย์ ไม่ใช่นักวิชาการธรรมดาแต่เป็นนักวิชาการติดดิน 1 ปีที่ผ่านมา ระยะเวลาหลายเดือน ผมติดตามการทำหน้าที่ตลอด ลงพื้นที่พบกับพี่น้องประชาชนกลมกลืนหมด ไม่ใช่ไปอย่างนักวิชาการ แล้วก็ไม่รู้จักพี่น้อง หรือว่าไม่เข้าใจหัวใจพี่น้อง
ดร.เดย์ เข้าใจคนทุกกลุ่มและกลมกลืนติดดินกับพี่น้องตลอดเวลา เพราะอะไรครับ เพราะ ดร.เดย์ เป็นทายาทนักการเมืองคนสำคัญอีกคนหนึ่งของจังหวัดพัทลุง คือ สานันท์ สุพรรณชนะบุรี สานันท์เป็นผู้แทน 2 สมัย และเป็นนายก อบจ.ถึง 2 สมัยด้วยกันเช่นเดียวกัน นี่คือ ดร.เดย์ ปิยะกาญจน์ สุพรรณบุรีชนะบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์
คนสุดท้าย ต้องสุดท้ายแล้วเพราะมีแค่ 3 เขต น้อง หวาย ร่มธรรม ขำนุรักษ์ ปล่อยกรี๊ดให้เสร็จเสียก่อน อายุเท่าไหร่รู้มั้ยนี่ นี่อายุแค่ 29 ปีครับพี่น้อง ร่มธรรม ผมมั่นใจว่าจะเดินตามรอยผมได้สำเร็จแน่นอน แค่บอกว่าเดินตามรอยนายจุรินทร์สำเร็จแน่นอนเพราะ นายจุรินทร์เป็นผู้แทนครั้งแรกอายุ 29 กว่าๆ ประมาณนี้
ร่มธรรม ไอ้นี่เก่งมาก เรียกไอ้นี่ เพราะมันเหมือนลูก กับนริศ นี่เพื่อนกัน ร่มธรรม น้องหวาย เรียนเก่งตั้งแต่เด็ก แล้วก็จบปริญญาตรีธรรมศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ 1) ครับพี่น้อง จบปริญญาโท ด้วยทุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไปได้ทุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน ไปเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ไม่ใช่มีกี่คนแล้วไปในฐานะตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ ที่หัวหน้าพรรคชื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อนุมัติให้ไป วันไป นริศ พาไปลาผมที่ห้อง แล้วก็ร่มธรรม ไม่ทำให้เราผิดหวัง
เพราะร่มธรรมจบปริญญาโท มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้รางวัลนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แล้วก็ได้รางวัลทำวิทยานิพนธ์ดีเด่นของมหาวิทยาลัยปักกิ่งอีกรางวัลหนึ่ง คิดไม่ถึงว่า พูดแบบนี้จะมีคนกรี๊ดให้เรามากขนาดนี้ ที่สำคัญไม่ใช่รู้แต่ภาษาจีน ภาษาอังกฤษก็เก่งเป็นเลิศ เคยเป็นครูอาสาที่ประเทศรัสเซียมาแล้ว สอนเยาวชน แล้วก็ไม่ใช่สอนแค่ที่รัสเซีย สอนไกลไปถึงประเทศโรมาเนีย
แต่วันนี้กลับบ้าน เพราะต้องการมารับใช้คนพัทลุง และตลอดหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่น้องหวายกลับมา กลายเป็นครูอาสาสอนภาษาอังกฤษให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ของจังหวัดพัทลุง และเป็นคนที่มีความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเลิศ มีชื่อเสียงตั้งแต่เด็ก เขียนคอลัมน์ลงเดลินิวส์ทุกอาทิตย์ จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังเขียนอยู่เลย เป็นที่ชื่นชมของคนทั้งประเทศ
สำคัญข้อสุดท้าย ร่มธรรม ขำนุรักษ์ เป็นทายาททางการเมืองสำคัญอีกคนหนึ่งของจังหวัดพัทลุง ชื่อ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส. 5 สมัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ผมถึงบอกพี่น้อง ว่าเลือกตั้งเที่ยวนี้ ประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์จังหวัดพัทลุง เพราะอย่างน้อยที่สุด เลือกตั้งเที่ยวหน้าจะเป็นการผนึกกำลังกันของ 4 ตระกูลสำคัญในจังหวัดพัทลุง 1. ตระกูลธรรมเพชร 2. ตระกูลขำนุรักษ์ 3. ตระกูลสุพรรณชนะบุรี และ 4. ตระกูลพัทลุงสามัคคี เขาบอกว่า 4 ตระกูลนี้ เที่ยวหน้าประชาธิปัตย์ยกทีม ใครเห็นด้วย ตบมือ
สุดท้าย อยากบอกกับพี่น้องครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ แต่อยากบอกพี่น้อง เหมือน นริศ บอกพี่น้องเมื่อกี้ อยากบอกว่าเลือกตั้งเที่ยวหน้าทรงความหมายอย่างยิ่ง ที่บอกว่าทรงความหมายอย่างยิ่งก็เพราะว่า เลือกตั้งเที่ยวหน้าคือการกู้ศักดิ์ศรีของคนพัทลุงคืนมา ผมอยากจับมือกับพี่น้องทุกคน สู้กับสิ่งที่เราจำเป็นต้องสู้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อพิสูจน์ว่าคนพัทลุงยังมีศักดิ์ศรี และคนพัทลุงจะไม่เลือกเงิน
เพราะเงิน เลือกตั้งเที่ยวหน้าผมเชื่อว่ายังเป็นสิ่งที่เราต้องสู้ต่อไป คนพัทลุงจะกินเหยื่อแต่ไม่กินเบ็ด ครับพี่น้องครับ เพราะถ้าเราเลือกเงิน เราก็จะได้แต่เงิน เราจะไม่มีวันได้ผู้แทนคุณภาพ และเราไม่มีทางที่จะกู้ศักดิ์ศรีของคนพัทลุงคืนมาได้
ถ้าเลือกเงิน เราก็จะได้การเมืองถอนทุนคืน เราจะได้การเมืองคอร์รัปชั่นทำลายประเทศ และทำลายพัทลุงอนาคตของพวกเราทุกคนในที่นี้ต่อไปในอนาคต
ผมถึงขอถือโอกาสนี้ กราบเรียนกับพี่น้องทุกคนว่า วันนี้ขอแรงคนพัทลุงทุกคนมาจับมือกันกับประชาธิปัตย์ ช่วยสนับสนุนคนดี ช่วยสนับสนุนนักการเมืองคุณภาพ ทั้ง 3 คน ที่เราเสนอตัวรับใช้พี่น้อง และมาช่วยกันสนับสนุนการเมืองสะอาด และประชาธิปไตยสุจริต ด้วยการเลือกทั้งคนทั้งพรรคของประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งที่จะมาถึง ขอบคุณครับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเวทีปราศรัยที่จังหวัดพัทลุงไม่แพ้ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีประชาชนสนใจ เดินทางมาร่วมฟังปราศรัยเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 30,000 คน
โดยทันทีที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เดินทางมาถึงเวที พี่น้องประชาชนชาวพัทลุงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก และอวยพรให้ นายจุรินทร์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
นอกจากนี้ ก่อนที่นายจุรินทร์ จะเริ่มปราศรัยมีการเปิด MV เพลง “เช้าวันใหม่” เรียกความคึกคักให้กับเวทีปราศรัยได้เป็นอย่างดี