บริษัทหลักทรัพยกสิกรไทย จำกัด(บล.) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่1,615 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่1,645 และ 1,660 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย และยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบริษัทจดทะเบียน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. และตัวเลขจำ นวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. ของจีน
ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวลงตลอดสัปดาห์(2-6พ.ค.) โดยเผชิญแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติในช่วงก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และยังคงร่วงลงต่อเนื่องตามตลาดหุ้นต่างประเทศในช่วงที่เหลือของสัปดาห์
ทั้งนี้แม้เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และประธานเฟดยืนยันว่า ยังไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 0.75% แต่บรรยากาศการลงทุนในภาพรวมยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเมื่อวันศุกร์(6 พ.ค.) ดัชนีSET ปิดที่ระดับ 1,629.58 จุด ลดลง 2.27% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 72,389.74 ล้านบาท ลดลง 4.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนีmai ลดลง 6.28% มาปิดที่627.78จุด