ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด หากผู้ถือหน่วย JASIF ไม่รับข้อเสนอใหม่จาก 3BB

16 ส.ค. 2566 | 04:20 น.
อัปเดตล่าสุด :16 ส.ค. 2566 | 04:23 น.

ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด หากผู้ถือหน่วย JASIF ไม่รับข้อเสนอใหม่จาก 3BB

เข้มข้นเข้ามาทุกขณะกับวันประชุมผู้ถือหน่วย ในวันที่ 23 สิงหาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อร่วมกันพิจารณาข้อเสนอใหม่จาก 3BB ซึ่งกำลังเจอกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก ถึงขั้นไม่สามารถชำระเงินค่าเช่าให้แก่กองทุนต่อได้ เพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหน่วยในเรื่องของ การผ่อนผันการหยุดพักการชำระค่าเช่าและการผิดนัดชำระค่าเช่า ตลอดจนการยกเลิกและแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

โดยจากรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ต่อการยกเลิกและแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ได้อธิบายถึงข้อมูลทางการเงินโดยเฉพาะผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ 3BB และ JAS และปัญหาด้านสภาพคล่องที่เกิดจากกระแสเงินสดของ 3BB ตึงตัว

โดยจากงบการเงินช่วงไตรมาส 1/2566 ที่ปรากฏในรายงานฯ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ 3BB ต่ำกว่ากระแสเงินสดในกิจกรรมลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงินรวมกัน ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดและทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งส่งกระทบโดยตรงต่อความสามารถในการชำระค่าเช่า ทำให้ 3BB มีปัญหาการชำระค่าเช่าต่อ JASIF ล่าช้ามาติดต่อกันหลายเดือน จนกระทั่งงวดล่าสุด 3BB ได้มีการค้างชำระค่าเช่าแก่ JASIF ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระค่าเช่าตามสัญญาแล้ว

 

ผลกระทบของการที่อาจจะนับว่าเป็นการผิดนัดของ 3BB ดังกล่าวจะทำให้ JASIF ผิดสัญญาการชำระหนี้ของบรรดาเจ้าหนี้ที่ JASIF กู้เงินมาซื้อทรัพย์สินใยแก้วนำแสงด้วยเช่นกัน และจะกระทบต่อไปยังการจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ร้ายแรงสุดอาจถึงขั้นส่งผลให้มีการเลิกกองทุนได้ เพราะแม้ว่ากองทุนจะเป็นเจ้าของสายใยแก้วนำแสงกว่า 1.68 ล้านคอร์กิโลเมตรก็ตาม แต่การจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินใยแก้วนำแสงจำเป็นต้องมีผู้เช่าที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ จากสำนักงาน กสทช. เท่านั้น

นั่นหมายความว่าในขณะนี้ 3BB เองที่มีการค้างชำระค่าใบอนุญาตในการประกอบกิจการโทรคมนาคม และค่าธรรมเนียมเพื่อการจัดให้มีการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม หรือ USO ให้กับ กสทช. กว่า 600 ล้านบาท ที่ครบกำหนดการชำระไปตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ที่ผ่านมา หากมีปัญหาไม่สามารถชำระได้ ก็อาจจะทำให้การต่ออายุใบอนุญาตจาก กสทช มีปัญหาเช่นกัน ทำให้อาจจะมีปัญหาทั้งผู้เช่ารายเดิมและการหาผู้เช่ารายใหม่ ในหลายๆฉากทัศน์

มีคำถามเกิดขึ้นว่า หากผู้ถือหน่วยไม่อนุมัติเงื่อนไขข้อเสนอใหม่ของ 3BB จะเกิดอะไรขึ้น

 

ในกรณีที่แย่ที่สุด หากในวันที่ 23 สิงหาคม ผู้ถือหน่วย JASIF ไม่รับข้อเสนอ จากรายงานชี้ให้เห็นว่านี่เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุด เพราะเข้าข่าย 3BB อาจจะตกอยู่ในสถานะที่ผิดนัดชำระค่าเช่า (Default) ทันที

ซึ่งอาจทำให้กองทุน JASIF จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจาก 3BB ซึ่งตัวเลขเม็ดเงินตามมูลค่าสัญญาสูงถึง 83,348.42 ล้านบาท แต่หากย้อนกลับมาดูที่ 3BB ตามงบการเงินล่าสุดมีสินทรัพย์ที่ปลอดภาระค้ำประกันรวมแล้วประมาณ 31,983 ล้านบาท ซึ่งหากหักเจ้าหนี้รายอื่นแล้ว จะเหลือจำนวนเงินที่สามารถชำระแก่ JASIF ได้เพียงแค่ 23,378 ล้านบาท เท่านั้น พูดง่ายๆ ก็คือว่าต่อให้ 3BB รวมสินทรัพย์ที่มีทั้งหมดก็ยังมีไม่พอจ่ายให้กองทุน JASIF อยู่ดี

ฝั่ง JASIF เองก็ต้องแบกรับความเสี่ยงในการหาผู้เช่ารายใหม่ ซึ่งหากพิจารณาถึงบริบทของตลาดเน็ตบ้านและการแข่งขันที่ดุเดือดในขณะนี้คงมีข้อจำกัดมากมายในการหาผู้เช่ารายใหม่ ดังนั้นการที่กองทุนจะสร้างผลตอบแทนและไปต่อได้ก็ดูเหมือนว่าจะมีเพียงผู้ถือหน่วยเท่านั้นที่จะเป็นผู้กุมชะตาของตนเองหลังจากนี้ ?!?