ไทยเบฟ ผนึกกำลังกับองค์กรธุรกิจชั้นนำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับสากล ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท เอสซีจี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จัดงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน Sustainability Expo ภายใต้แนวคิด "พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก" (Sufficiency for Sustainability) ปลุกกระแสร่วมสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายริเริ่มความร่วมมือมิติใหม่จากทุกภาคส่วน เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมายแห่งความยั่งยืนทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ งาน Sustainability Expo จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 โดยขยายเครือข่ายความร่วมมือไปยังภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีองค์กรชั้นนำของไทยและต่างประเทศกว่า 100 แห่ง รวมทั้งผู้บรรยายและผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 รายทั่วโลก เข้าร่วมงาน เพื่อร่วมแบ่งปันความรู้ เปิดมุมมองและประสบการณ์ ตลอดจนนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาด้านความยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้เกิดแนวคิดและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “งาน SX 2022 ในปีที่ 3 นี้เราได้รับโอกาสที่ดีอย่างมากที่ได้มารวมตัวกันแสดงเรื่องราวที่เราได้ทำสิ่งดีๆทั้งต่อสังคมโลกใบนี้และทั้งชีวิตความเป็นอยู่ที่เราพยายามพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่ดีขึ้น โดยแลกเปลี่ยนมุมมอง วิธีการ และแนวทางใหม่ๆ ในการร่วมสรรสร้างประโยชน์แก่สังคมในทุกๆ มิติ ให้กับคนไทย สังคมไทย และเชื่อมต่อความยั่งยืนไปยังประชาคมอาเซียน
“ผู้บริหารระดับสูงที่มาร่วมกันในงานนี้ ทั้งจากภาคีองค์กรชั้นนำภายใต้ Thailand Supply Chain Network หรือ TSCN ที่เราได้รวมพลังกันมากว่า 3 ปี ได้สร้างมิติใหม่ในการทำงานร่วมกัน เพราะเราถือว่า การที่เราได้เดินมาสู่เป้าหมายเดียวกันในเรื่องของการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เป็นมิติที่ทุกๆคนประสงค์ และต้องการอย่างยิ่งที่จะมีส่วนร่วมในการนำพาความสำเร็จเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมไทย สังคมอาเซียน และสังคมโลกด้วย เราคาดหวังว่าผู้คนที่มาร่วมงานจะได้มีโอกาสพบปะกับเพื่อนร่วมเดินทางที่มีทัศนคติ มีมุมมองในทิศทางเดียวกันที่อยากจะร่วมกันสร้างสังคมที่ยั่งยืนต่อไปให้กับอนาคตที่ดีของลูกหลานของเรา”
นายฐานปน กล่าวอีกว่า นอกจากเป็นเวทีแห่งความร่วมมือของทุกภาคส่วนแล้ว งาน SX 2022 ยังเป็นแพลตฟอร์ม B2C2B (Business-to-Consumer-to-Business) ซึ่งยึดผู้บริโภคเป็นแกนกลาง โดยเชื่อมโยงระหว่างองค์กรธุรกิจกับผู้บริโภค และผู้บริโภคจะเชื่อมโยงกลับสู่ภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ งาน SX 2022 ยังคงยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการจัดงาน และสร้างแรงบันดาลใจให้นำไปประยุกต์ใช้ในด้านต่างๆ ให้เกิดความยั่งยืนในบริบทของสังคมไทย
ทั้งนี้ ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิชัยพัฒนา ได้ปาฐกถาพิเศษโดยมีใจความสำคัญว่า ความแตกต่างระหว่างงานมหกรรมความยั่งยืนทั้ง 3 ครั้ง คือขนาดเวทีที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 20 เท่า จำนวนคนมากกว่าเกิน 20 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาที่ถูกพูดถึงเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ยังคงเป็นปัญหาที่หนักอกมาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่คำว่า “ยั่งยืน” เป็นคำที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นมนุษย์ยังคงใช้ชีวิตสนองความจำเป็นและสนองความต้องการที่ไม่รู้จบ
ปัจจุบันจำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า และจะจะขยับขึ้นไปแตะ 9,000 ล้านคน นั่นหมายความว่า ปัจจัยพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะตอบสนองจำนวนคนที่มากขนาดนั้น ปัญหาที่ประชากรโลกจะเผชิญหน้าในระยะต่อไปคือ ปริมาณทรัพยากรที่ไม่สามารถรองรับกับจำนวนประชากรโลกได้ ซึ่งวันนี้ เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วเพราะทรัพยากรหายไปเฉลี่ย 1 ใน 3 แต่ในมุมกลับจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น 5 เท่าตัว ส่งผลให้เกิดสงครามแย่งชิงพลังงานเมื่อทศวรรษที่แล้ว และสิ่งที่ได้จะเห็นอีก 10 ปีข้างหน้าคือสงครามที่ยิ่งใหญ่กว่าสงครามแย่งชิงพลังงาน นั่นก็คือ สงครามแย่งทรัพยากรน้ำ
เศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 คือการทำสิ่งที่ง่ายที่สุดเพื่อรักษาความพอเพียงให้เกิดขึ้น นั่นคือทำให้มีน้ำเพียงพอ มีอาหารเพียงพอและมีปัจจัยพื้นฐานของชีวิตให้เพียงพอ ไม่ว่าเราจะเป็นชนชาติไหนก็ตาม เราต้องมีความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้เพราะโลกใบนี้กำลังแตกสลาย สาเหตุที่รัชกาลที่ 9 ตั้งมูลนิธิชัยพัฒนาขึ้นมา เพราะเห็นว่าปัญหาที่ชาวโลกกำลังเจออยู่มันใหญ่ขึ้นไปทุกที ไม่ใช่แค่ปัญหาแต่กลายเป็นสงครามที่มนุษย์จะลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยใช้การพัฒนาเอาชนะปัญหาให้ได้ ซึ่งสุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมาที่ปัจจัย 4 นั่นเอง
ปีที่ผ่านมา เราเจอทั้งโรคระบาดและสงคราม เราก็ต้องหันมามองทรัพยากร นำสิ่งรอบข้างมาแปรสภาพให้เป็นวัคซีนและอุปกรณ์ในการกรองโรคระบาด ในส่วนของสงครามการทำลายล้างด้วยอาวุธไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ผลจากการใช้อาวุธทำลายล้าง ทำให้เกิดความขาดแคลนที่ชัดเจนที่สุดคืออาหาร ความลำบากเกิดขึ้นในวงกว้าง
คำว่าพออยู่ พอกิน จึงมีความสำคัญอย่างมาก มนุษย์ไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่รู้ตัว เราเริ่มได้ยินคำว่า back to basic หรือสูงสุดคืนสู่สามัญ เห็นได้ชัดว่า มนุษย์ล้วนสรรหาทางออกแต่ประเด็นคือ ลงมือทำหรือยัง? ประเทศไทยไม่ได้น้อยหน้าใคร รัชกาลที่ 9 คิดคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” ขึ้นมาใจความสำคัญคือตามให้เท่าทันโลกาภิวัตน์ เตรียมความพร้อมให้ทันความเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน เพราะความเปลี่ยนแปลงมาอย่างรวดเร็ว ถ้าปรับตัวไม่ทันจะเจอการdisruption หรือความพ่ายแพ้พินาศอย่างสิ้นเชิง
พระองค์ท่านให้แนวความคิด 3 ประการคือ ความพอประมาณ มีเหตุมีผลและมีภูมิคุ้มกัน ข้อแรก ก่อนที่จะทำอะไรต้องประเมินตัวเองและประเมินทุนอย่าทำอะไรอย่าให้เกินตัวเพราะคนไทยมีจุดอ่อนคือรู้เขาแต่ไม่รู้เรา ถัดมาต้องใช้เหตุผลเป็นเครื่องนำทางไม่ฉะนั้นความโลภจะเป็นเครื่องนำเราแทน และภูมิคุ้มกันคือการบริหารความเสี่ยงตลอดเวลา เพราะโลกนี้เปลี่ยนแปลงฉับพลันเราต้องพร้อมตลอดเวลา คนไหนตามทันมีอินโนเวชั่นไปดักทางไว้ก่อนคนนั้นชนะ คนไหนแค่ตามทันคนนั้นเสมอตัว ส่วนคนไหนตามไม่ทันคนนั้น ถูก disruption”
นอกจากนี้ องค์กรต้นแบบของการพัฒนาความยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศรวมกว่า 100 แห่งมาร่วมงาน และผู้เชี่ยวชาญ ผู้นำองค์กรธุรกิจกว่า 150 รายที่มาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนมุมมอง องค์ความรู้ และประสบการณ์ บนเวทีเสวนา อาทิ นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การทำงานด้านความยั่งยืนถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของไทยยูเนี่ยน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้ผู้คน และดูแลรักษาความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล หรือ Healthy Living, Healthy Oceans ให้กับคนรุ่นต่อไป ภายใต้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเราที่เรียกว่า SeaChange® “ไทยยูเนี่ยนตั้งใจที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกกับทั้งอุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลก ใน 4 ด้าน คือ แรงงานปลอดภัยและถูกกฎหมาย การจัดหาวัตถุดิบด้วยความรับผิดชอบ การดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบ รวมไปถึงการดูแลผู้คนและชุมชน ซึ่งเป็นแกนหลักในการทำงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ”
ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี กล่าวว่า “ในภาวะโลกรวน ทุกคนต้องคำนึงถึงการดำรงชีวิตและดูแลโลกไปพร้อมกัน เอสซีจีขอเชิญชวนให้ทุกคนใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก เช่น ระบบหลังคาโซลาร์ ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดค่าไฟ แพคเกจจิ้งรักษ์โลกที่ช่วยยืดอายุผักและผลไม้ ลดขยะอาหาร สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ รวมถึงนวัตกรรมที่ช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 เชื้อโรค และไวรัส เช่น SCG Active AIR Quality เอสซีจีพร้อมสร้างโลกที่น่าอยู่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป”
ด้าน ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวเสริมว่า ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Sustainability Expo GC มุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจบนหลักการความยั่งยืนมาโดยตลอด ด้วยสมดุล ESG คือ บรรษัทภิบาล (เศรษฐกิจ) สังคมและสิ่งแวดล้อม “วันนี้ GC มีเป้าหมายที่ท้าทายในการยกระดับสู่การเป็นองค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ “Net Zero” ภายในปี 2050 ผ่านการดำเนินงานด้านการปรับปรุงกระบวนการผลิตลดการปล่อย Carbon การต่อยอดสู่ธุรกิจ High Value Business และ Low Carbon Business และการปลูกป่าและดักจับคาร์บอน นอกจากนั้น ยังมีโครงการอีกมากมายเพื่อคืนกลับสู่สังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน การดำเนินการทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิต และส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไป”
ขณะที่ นายปณต วัฒนสิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ ยินดีที่ได้ร่วมจัดงานมหกรรมความยั่งยืน SX2022 เนื่องจากสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของบริษัทฯ คือ Inspiring Experiences, Creating Places for Good หรือการมุ่งเน้นสร้างสิ่งที่ดีที่ยั่งยืนให้กับผู้คน ธุรกิจ และชุมชนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นความตั้งใจในการส่งมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้ลูกค้า การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การมุ่งไปสู่การเป็นองค์กรที่ปลอดการปล่อยคาร์บอน หรือการสร้างธุรกิจที่พร้อมสำหรับอนาคตที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์โลกที่ทุกคนได้รับประสบการณ์อย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้”
นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสเทรนด์นวัตกรรม เทคโนโลโลยีที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านนิทรรศการ เวทีสัมมนา/เสวนา ตลอดจนหลากหลายกิจกรรมที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยบนพื้นที่กว่า 40,000 ตรม. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน - 2 ตุลาคม 2565นี้
#SX2022 #GoodBalance #BetterWorld #BetterMe #BetterLiving #BetterCommunity #SustainabilityExpo #SustainabilityExpo2022 #Sustainability #สมดุลที่ดีเพื่อโลกที่ดีกว่า #FrasersProperty #GC #SCG #ThaiBev #ThaiUnion