นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) (บสก. หรือ BAM) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาหัวข้อ วิกฤตโควิด สู่ไฟสงคราม”อสังหาฯไทย”จะไปทางไหน ในการสัมมนาProperty Inside 2022 ทางรอดอสังหาฯหลังโควิด-ไฟสงคราม จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า เวลานี้บสก.มีทรัพย์รอการขายรวม 2.17 หมื่นรายการ มีมูลค่า 7.08 หมื่นล้านบาท ยังเหลืออยู่ในพอร์ตอีก 7 หมื่นกว่าล้านบาท โดยบ้านมือสอง และที่ดินเปล่าขายได้ดีมาก ถือว่าบรรลุเป้าหมาย ส่วนของเอ็นพีแอลถึอว่ายังหนัก แต่เอ็นพีเอยังขายได้เรื่อย ๆ
โดยในช่วงวิกฤตจากการระบาดเชื้อโรควิด-19 ต่อเนื่องด้วยเศรษฐกิจโลกกระทบจากสงครามยูเครน-รัสเซีย ช่วงแรกเกิดเอ็นพีเอ.ในระบบแบงก์เยอะมาก ส่วนใหญ่จากสินเชื่อเอสเอ็มอี. ที่เอาบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ไปค้ำประกันไว้ ที่กลายเป็นสินค้าเข้ามาที่บสก. แต่ชะลอตัวลงในช่วงหลัง
นายบัณฑิตกล่าวอีกว่า บสก.บริหารจัดการเพื่อเร่งขายบ้าน-ที่ดินมือสอง ซึ่งเป็นทางเลือกการมีที่อยู่อาศัยของคนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงเวลานี้ โดยข้อดีของบ้าน-ที่ดินมือสองนั้น มีหลายข้อ อาทิราคาถูกกว่าบ้านมือหนึ่ง ดอกเบี้ยต่ำ โลเคชั่น ผู้จะซื้อเห็นเพื่อนบ้านและชุมชนของทรัพย์นั้นได้จริงว่ามีสภาพอย่างไรที่ดินไม่ทรุดเพราะอยู่ตัวแล้ว เห็นโครงสร้างและองค์ประกอบจริงของบ้าน เพื่อจะได้ปรับปรุงได้ตรงจุด ไม่เกิดปัญหาภายหลัง
“เราจับมือกับ SCG มาเป็นพันธมิตร มีทีมสถาปนิกนักออกแบบ เข้ามารีโนเวทบ้านเก่าให้กลับมาใหม่ และโดดเด่นสะดุดตาเหนือกว่าหลังอื่น ๆ ร่วมโครงการในบริเวณนั้น พร้อมใส่นวัตกรรมสมัยใหม่ แก้ปัญหาของบ้านหลังเดิม เพื่อจำหน่ายแก่ผู้สนใจในราคาที่ถูกกว่าบ้านมือหนึ่งเยอะมาก ได้รับความนิยมจากลูกค้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านเดียวราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ภาระค่างวดต่ำ ทำให้พร้อมรองรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นได้ และเวลานี้ยังมีโปรโมชันพิเศษ เช่น ฟรีดอกเบี้ยปีแรก มีคูปอง เวาเชอร์ลดราคาต่าง ๆ เป็นต้น”
นายบัณฑิตกล่าวอีกว่า ลูกค้าของบสก.ไม่เพียงผู้ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว เวลานี้มีเครือข่ายลูกค้าบสก. ที่มาเลือกซื้อทรัพย์มือสองของบสก.ออกไปเพื่อนำไปรีโนเวทแล้วขายต่อ โดยเป็นกลุ่มนักลงทุนรายย่อย ซื้อทีละ 2-3 รายการตามทุนที่มี และจะเลือกซื้อทรัพย์ในพื้นที่ที่ตนมีความเชี่ยวชาญ รู้ว่ามีลูกค้ากลุ่มไหน ต้องการบ้านลักษณะอย่างไร จากเดิมมีนักลงทุนกลุ่มนี้ 100-200 ราย เวลานี้ขยายตัวเป็นนับพันราย
นอกจากนี้แล้ว เวลานี้ยังมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ เริ่มกลับเข้ามาหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่ดิน โรงแรมอาคาร อสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีพันธมิตรคนไทยร่วมด้วย แต่ยังกดราคารับซื้ออยู่จากภาวะเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน เพื่อเป็นกลุ่มที่จะเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุน โดยที่ดินเปล่าของบสก.เป็นอีกรายการที่ขายดีมาก คนที่มีเงินเก็บเห็นว่ารายได้จากดอกเบี้ยต่ำเกินไป จึงหันมาลงทุนซื้อที่ดินแทน โดยเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ซีอีโอ. บสก. กล่าวด้วยว่า บสก.ยังได้ปรับการบริหารจัดการเพื่อรองรับตลาดอสังหาฯที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของตลาดอสังหาฯมือสอง อาทิ จับมือเป็นพันธมิตรกับไปรษณีย์ไทย เพื่อใช้เครือข่ายบุรษไปรษณีย์ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เป็นหูตาเพื่อช่วยเป็นจุดตรวจทรัพย์รอการขายของบสก. ที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศ รวมถึงความเคลื่อนไหวราคาบ้าน-ที่ดินที่มีการซื้อขายจริงโดยรอบ ช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่บสก. จะได้มาโฟกัสการให้บริการลูกค้าได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บสก.ยังขยายการเป็นพันธมิตรกับผู้ประกอบการแวดวงอสังหาฯเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น AMC ผู้รับเหมาด้านงานช่างและทีมสถาปนิกวิศวกร เช่น SCG มารีโนเวทบ้านเก่าก่อนปล่อยขาย ที่ทำให้ได้ราคาดีขึ้น หรือแพลตฟอร์มการขายอสังหาฯมือสอง การขายทรัพย์ทางออนไลน์ ซึ่งความร่วมมือกันนี้จะทำให้ต้นทุนรวมของตลาดอสังหาฯลดลงที่ช่วยลดภาระผู้ซื้อได้ในท้ายสุด
ส่วนทิศทางการจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงจากนี้ไปอย่างไรนั้น ซีอีโอ.บสก.ชี้ว่า เวลานี้เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน การจะลงทุนนั้นสำคัญที่สุดอยู่ที่ต้องมีวินัยทางการเงิน อย่าใช้เงินเกินตัว และต้องรู้จักกระจายความเสี่ยง ผู้มีวินัยทางการเงินเท่านั้นที่จะสร้างเวลธ์ขึ้นได้ด้วยตนเอง