กลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรม ร่วมมองอนาคตของการเดินทาง การจัดประชุม และงานอีเวนต์ ที่งานประชุมใหญ่ จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดครั้งแรกของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

16 ก.ย. 2564 | 04:37 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2564 | 11:40 น.

กลุ่มผู้นำในอุตสาหกรรม ร่วมมองอนาคตของการเดินทาง การจัดประชุม และงานอีเวนต์ ที่งานประชุมใหญ่ จัดขึ้นในรูปแบบไฮบริดครั้งแรกของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก

ฮ่องกง, 16 กันยายน 2564 – ด้วยมุมมองด้านบวกในการกลับมาของการเดินทาง แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมด้วยผู้นำของอุตสาหกรรม ได้ร่วมหารือเกี่ยวกับเทรนด์ในอนาคต ในงานอีเวนต์แบบไฮบริดครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ในชื่องาน “Be There with Marriott International – The Path Forward for Travel and Events” งานนี้จัดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน โดยมีมืออาชีพของอุตสาหกรรมทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เข้าร่วมงานทั้งในแบบการเดินทางมายังที่ประชุม และผ่านทางออนไลน์ รวมมากกว่า 1,100 คน นำเสนอการอภิปรายเกี่ยวกับเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น และความต้องการในการจัดการประชุมและงานอีเวนต์ ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้น มีดังนี้

ประสบการณ์ของลูกค้ายังเป็นกุญแจสำคัญ

ความสะอาดยังคงเป็นความสำคัญสูงสุดสำหรับลูกค้าหลายๆ คน เช่นเดียวกับความคาดหวังในเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของลูกค้า ตลอดจนเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม, หน้ากากอนามัย และเจลทำความสะอาดมือ ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกค้าคาดหวัง โดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ได้นำเสนอผู้จัดงานอีเวนต์ สำหรับข้อแนะนำต่างๆ ในการจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบ New Normal ภายใต้คำมั่นสัญญา ‘Connect with Confidence’ ของบริษัท

บาร์ท บิวริง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “เมื่อเราเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ของแขก เราเข้าใจดีว่าความสะอาดยังคงเป็นสิ่งที่ลูกค้าหลายคนให้ความสำคัญ เรามุ่งมั่นที่จะทำให้แขกของเราปลอดภัย ด้วยการปรับเปลี่ยนมาตรการความสะอาดให้เข้มข้นขึ้นโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ผมมั่นใจในการคาดการณ์ของเราว่า การเดินทางท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และผมหวังว่าพรมแดนต่างๆ ระหว่างประเทศจะเปิดขึ้นอีกครั้ง”

การได้พบปะกันต่อหน้า จะมีพลังสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา

ที่ผ่านมามีการนำเทคโนโลยีและดิจิทัล เข้ามาใช้อย่างรวดเร็วในวงการอุตสาหกรรม MICE แม้ว่างานอีเวนต์ออนไลน์จะเป็นเรื่องที่ปฏิบัติกันปกติในช่วงที่มีการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 โดย 47% ของผู้ตอบแบบสำรวจ ชี้ว่า งานอีเวนต์ในปีหน้ามากกว่าครึ่งจะจัดขึ้นในรูปแบบออฟไลน์ โดยการจัดอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริด ซึ่งผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีถ่ายทอดสด และความสะดวกสบายทางดิจิทัล จะถูกคาดหวังให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบการประชุมที่เป็นวิถีปกติ
    
การวางแผนจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบ “New Normal” ได้สอนกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรม ให้ทดลอง คิด มีส่วนร่วม และเรียนรู้ อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะเข้าใจและปรับสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้ผลออกไป โดยผู้นำอุตสาหกรรม MICE ต้องตระหนักอยู่เสมอถึงความสำคัญ และพลังของการพบปะในสถานที่จริง ซึ่งจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อเสริมด้วยเทคโนโลยีไฮบริด ซึ่งข่วยสร้างประสบการณ์และการปฏิสัมพันธ์ของคนให้โดดเด่นยิ่งขึ้น


ราเมช ดาร์ยานานิ รองประธานฝ่ายขาย แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “เราจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างเทคโนโลยี การเข้าถึง และการมีส่วนร่วม เมื่อจัดงานอีเวนต์ในรูปแบบไฮบริด โดยรูปแบบไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด แต่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและคุณค่าของการติดต่อสื่อสารของผู้คนต่างหากที่สำคัญ จากนี้กลยุทธ์แบบไฮบริดของแมริออท จะยังคงพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าในรูปแบบไหนก็ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนการพบปะแบบเผชิญหน้ากันได้”


เมื่อพรมแดนระหว่างประเทศเปิดออก ลูกค้าจะเสาะหางานอีเวนต์ที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น และเครือข่ายต่างๆ ที่มาพร้อมกับอีเวนต์เหล่านี้จะได้รับยกระดับให้มีความสำคัญ หลังจากหลายคนต้องขาดการติดต่อกันไปเป็นเวลานาน 


สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี คือความหรูหราในรูปแบบใหม่

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้นักเดินทางมีโอกาสที่จะคิดเกี่ยวกับการเดินทางแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม การเดินทางเพื่อสุขภาพ สัมพันธ์กับการมองหาสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดความต้องการท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อคลายเครียด การเข้าพักใน all-inclusive รีสอร์ท การพักฟื้นด้านจิตวิญญาณ และจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีใครเดินทางไป 


จากการสำรวจที่ทำขึ้นโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้ว่า 3 ใน 4 ของนักเดินทางที่ร่วมทำการสำรวจ บ่งชี้ว่าต้องการเดินทางเพื่อลดความเครียด นอกจากนี้ ยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเดินทางแบบไม่เร่งรีบ โดยคนจะทำทุกสิ่งให้ช้าลงและท่องเที่ยวในที่แห่งเดียว ตลอดจนใช้เวลาสร้างความคุ้นเคยกับสถานที่และพื้นที่รอบๆ รวมทั้งวัฒนธรรม มากกว่าการเดินทางมาเที่ยวแบบผิวเผิน ผู้นำอุตสาหกรรม จึงควรปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ที่กำลังเป็นกระแสเหล่านี้ โดยคัดสรรประสบการณ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป เวสตินและเจ ดับบลิว แมริออท ของแมริออท บอนวอย คือ 2 แบรนด์ที่มีโปรแกรมโดดเด่น ทำให้แขกมีสุขภาพที่ดีในขณะกำลังเดินทางได้ โดยโครงการนำร่องที่เพิ่งเปิดตัวเร็วๆ นี้ คือ Good Travel with Marriott Bonvoy เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของโปรแกรมที่แขกจะสามารถเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นเพื่อสร้างความประทับใจในด้านบวกที่ยืนนาน 

ด้วยการร่วมมือกับหุ้นส่วนทางเทคโนโลยี NowEvents งานอีเวนต์ไฮบริดจัดขึ้นที่โรงแรม เรเนอซองส์ ฮ่องกง ฮาร์เบอร์ วิว, เดอะ ริทซ์-คาร์ตัน, มิลเลนเนีย สิงคโปร์ และเจ ดับบลิว แมริออท โกสด์ โคสต์ รีสอร์ต แอนด์ สปา งานที่มีผู้เข้าร่วมเป็นตัวบุคคลนี้ มีการใช้เทคโนโลยีที่ผู้อภิปรายปรากฏตัวคล้ายอยู่ในห้องเดียวกัน แม้ที่จริงจะอยู่ต่างสถานที่กัน ดำเนินการอภิปรายโดย คาเรน โบลิงเจอร์ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ธุรกิจ PCMA เอเชีย แปซิฟิก โดยผู้เข้าร่วมอภิปรายมีดังนี้

• แอนดี้ วินเชสเตอร์ (ฮ่องกง) ผู้จัดการ APAC TRAVEL, บลูมเบิร์ก
• แอนนา แพตเตอร์สัน (สิงคโปร์) - รองประธานและกรรมการผู้จัดการ จอร์จ พี จอห์นสัน สิงคโปร์
• บาร์ท บิวริง (ฮ่องกง) - ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล
• ชาร์ลอตต์ แฮริส (ฮ่องกง) - กรรมการผู้จัดการ ชาร์ลอตต์ แทรเวล ฮ่องกง
• เคนจิ โซ (สิงคโปร์) - กรรมการบริหาร หัวหน้าการท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก โกลด์แมน แซกส์
• ออสการ์ เซเรซาเลส (สิงคโปร์) - ผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์ MCI กรุ๊ป

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอการจัดการประชุมและงานอีเวนต์ของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ชมการถ่ายทอดสดของงานได้ที่ www.marriottbonvoyevents.com