ผู้ถือหุ้น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ลงมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 เป็นเงินสด อัตราหุ้นละ 0.30 บาท มีมูลค่ารวม 1,119 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.03% ของกำไรสุทธิ (งบเฉพาะกิจการ) กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 พร้อมอนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้ใหม่ 20,000 ล้านบาท เตรียมชำระคืนหุ้นกู้เดิม และใช้เป็นเงินลงทุนของกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ ฟากผู้บริหาร "อมร ทรัพย์ทวีกุล" ระบุปีนี้ปักหมุดรายได้แตะ 4 หมื่นล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าคึกคัก คาดส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์กว่า 4,000 คัน ตั้งงบลงทุน 10,000 ล้านบาท ลุยขยายโรงงานแบตเตอรี่เพิ่มกำลังผลิตเป็น 4GW
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯดำเนินการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาทต่อหุ้นโดยจ่ายจากกำไรสะสมสำหรับกิจการที่ไม่ได้รับส่งเสริมการลงทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,119 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 54.03% ของกำไรสุทธิ (งบเฉพาะกิจการ) โดยกำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม 2566 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 (Record Date) และสิทธิในการรับเงินปันผลประจำปี 2565 โดยกำหนดการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ดังกล่าวในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ (ใหม่) ในวงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดชำระ ชำระเงินกู้เดิมของบริษัทฯ และใช้ในการดำเนินงานหรือเป็นเงินทุนและสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ซึ่งอายุหุ้นกู้ไม่เกิน 15 ปีนับตั้งแต่ออกหุ้นกู้ในแต่ละคราว ส่วนอัตราดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในขณะที่ออกและเสนอขายหุ้นกู้หรือตามข้อตกลงและเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่ได้ออกในคราวนั้น
"สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวมราว 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 27,546 ล้านบาท ซึ่งรายได้กว่า 50% หรือราว 20,000 ล้านบาท จะมาจากธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจอื่น อาทิ ธุรกิจไบโอดีเซล ธุรกิจโรงไฟฟ้า ธุรกิจพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ เป็นต้น โดยประเมินว่า ปีนี้จะมีการทยอยส่งมอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์กว่า 4,000 คัน ทั้งรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า กระบะไฟฟ้า รวมไปถึงรถขยะไฟฟ้า เป็นต้น สอดคล้องกับความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของการลดคาร์บอนมากขึ้น จึงเริ่มปรับเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น" นายอมรกล่าว
ขณะที่โรงประกอบยานยนต์ไฟฟ้าในส่วนของโรงงาน AAB ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่การผลิตของโรงงานประมาณ 55,000 ตารางเมตร มีกำลังการผลิตที่ 3,000 คันต่อปี (1 กะ) หากผลิตเต็มกำลังการผลิตจะประกอบรถไฟฟ้าได้ 9,000 คัน ยังสามารถรองรับการผลิตได้อีกมาก และปัจจุบันมีการผลิตอยู่ที่ 3,600 คันต่อปี โดยไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ คาดว่าจะมีการส่งมอบรถบัสไฟฟ้าได้กว่า 500 คัน
สำหรับหัวรถจักรไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (EV on Train) อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ EA ร่วมกับ CRRC Dalian ผู้ผลิตรถไฟรายใหญ่จากประเทศจีน ได้รับโอกาสจากกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมพัฒนาด้วยการนำชุดเครื่องยนต์ดีเซลเดิม เปลี่ยนเป็นระบบแบตเตอรรี่ ซึ่งสามารถเพิ่มตู้แบตเตอรี่แยก (Power Car) โดยผลการทดสอบระบบสับเปลี่ยนขบวน (Shunting) ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ สามารถเพิ่มระยะทางการวิ่งรวมแบตเตอรี่ขนาด 4.1 MWh วิ่งได้ระยะกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ พร้อมมีการพัฒนาสถานีชาร์จขนาดใหญ่แห่งแรกในโลก เพื่อเป็นต้นแบบขยายสถานีชาร์จตามแนวเส้นทางรถไฟต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เพื่อมุ่งสู่การพัฒนารถไฟอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ บริษัทฯตั้งงบลงทุนปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยจะแบ่งเป็นการใช้สำหรับการขยายโรงงานแบตเตอรี่ 6,000 ล้านบาท จากปัจจุบัน 1 GW เป็น 4 GW รวมทั้งจะใช้สำหรับการลงทุนเปลี่ยนแผงโซลาร์ ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้น โดยเงินลงทุนส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท