net-zero

เอ็กโก เร่งกลยุทธ์ “Triple P” พุ่งเป้าเติบโตในสหรัฐลุยซื้อโรงไฟฟ้าลม-แสงอาทิตย์

    EGCO Group ลุยเพิ่มพอร์ตพลังงานหมุนเวียน ตามกลยุทธ์ “Triple P” ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าลมและแสงอาทิตย์ ในสหรัฐอเมริกา รวม 251 เมกะวัตต์ หลังบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนขายโรงไฟฟ้า นำรายได้แสวงหาโอกาสลงทุนที่ดีกว่า เสริมสร้างความแข็งแกร่ง

ปี2567 ที่ผานมา บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ได้ทบทวนและปรับกลยุทธ์ การดำเนินธุรกิจระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมายองค์กรคาร์บอนตํ่า และการปรับเปลี่ยนองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผ่านการขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ “Triple P” ได้แก่ Profitability and Performance Energizing เพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Power and Energy-related Focus เน้นลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านการลงทุนทั้งรูปแบบ M&A และ Greenfield ตลอดจนแสวงหาโอกาสการลงทุน ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง โดยต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว ด้วยการตั้งงบลงทุนปีละ 30,000 ล้านบาท

 

เอ็กโก เร่งกลยุทธ์ “Triple P” พุ่งเป้าเติบโตในสหรัฐลุยซื้อโรงไฟฟ้าลม-แสงอาทิตย์

 

Portfolio and People Management บริหารจัดการพอร์ตการลงทุนและทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นสร้างความเป็นเลิศในกระบวนการดำเนินงาน ให้ความสำคัญกับการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์(Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เอ็กโก มีเป้าหมายระยะสั้น ที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30 % ของกำลังผลิตทั้งหมด เป้าหมายระยะกลาง ภายในปี 2583 มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายระยะยาวภายในปี 2593 จะบรรลุการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)

 ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group กล่าวว่า ในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ในส่วนของการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ ที่จะสร้างการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว ตามกลยุทธ์ “Triple P”

โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ EGCO Group ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock Wind Farm Pty Ltd (BRWF) กำลังผลิตทั้งหมด 113 เมกะวัตต์ ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียและที่ถืออยู่ใน RISEC Holdings, LLC (RISEC) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง กำลังผลิต 609 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโรดไอแลนด์ สหรัฐอเมริกา รวมมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนโครงการในสหรัฐอเมริกา

ล่าสุดบริษัท EGCO Pinnacle II, LLC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ในสหรัฐอเมริกา ได้เข้าถือหุ้นในบริษัท Apex Pinnacle II Member, LLC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Apex Clean Energy Holdings, LLC ในสัดส่วน 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll กำลังผลิตรวม 251 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยบริษัท Downeast Wind, LLC เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม Downeast กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเมน และบริษัท Wheatsborough Solar, LLC เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Wheatsborough กำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐโอไฮไอ

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว เนื่องจากมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกลุ่มผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน เพื่อซื้อขายไฟฟ้าและใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดย Downeast สามารถจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับครัวเรือนมากกว่า 37,000 หลังคาเรือนต่อปี รวมทั้งช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านพลังงานของรัฐเมน ที่มุ่งเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 80% ภายในปี 2573

ขณะที่ Wheatsborough สามารถจ่ายไฟฟ้ารองรับความต้องการของภาคครัวเรือนมากกว่า 21,000 หลังคาเรือนต่อปี และยังช่วยบรรเทาปัญหาระบบสายส่งแรงดันสูงในพื้นที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ ปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้ง 2 แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขั้นตอนสุดท้าย โดยหุ้นในสัดส่วน 49% ของโรงไฟฟ้าแต่ละแห่งจะถูกโอนให้แก่ EGGO Group เมื่อโครงการเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้

ดร.จิราพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการแสวงหาโอกาสการลงทุนในสหรัฐอเมริกายังเติบโตต่อเนื่อง จากการที่ EGGO Group ได้ถือหุ้นอยู่ 17.46% ในบริษัท Apex Clean Energy Holdings, LLC ซึ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนของสหรัฐฯ ดำเนินธุรกิจในลักษณะทั้งการซื้อขายไฟฟ้าและการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จขายให้กับผู้ที่สนใจ ณ เดือนมกราคม 2568 มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนอยู่ราว 57,874 เมกะวัตต์ ใน 209 โครงการ (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568) แยกเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 16,565 เมกะวัตต์ จำนวน 88 โครงการ พลังงานลม 27,971 เมกะวัตต์ จำนวน 75 โครงการ โครงการไฮโดรเจน 7,240 เมกะวัตต์ จำนวน 8 โครงการ และโครงการระบบกักเก็บพลังงาน(แบตเตอรี่) 4,599 เมกะวัตต์ จำนวน 27 โครงการ

ทั้งนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในปีนี้จำนวน 6 โครงการ รวมกำลังผลิต 841 เมกะวัตต์ (รวมโครงการที่ EGCO Group ได้เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 49 % แล้ว) ซึ่งทั้งหมดจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้ ประกอบด้วย พลังงานลม 2 โครงการ กำลังผลิต 426 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์ม 2 โครงการ กำลังผลิต 275 เมกะวัตต์ และแบตเตอรี่ 2 โครงการ กำลังผลิต 140 เมกะวัตต์ โดยที่ผ่านมามีโคงการที่พัฒนาเสร็จแล้วและได้จำหน่ายขายออกไปคิดเป็นกำลังผลิตราว 795 เมกะวัตต์

 ขณะที่มีโครงการที่เปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว 5 โครงการ กำลังผลิต 658 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย Timbermill Wind 189 เมกะวัตต์ Mulligan Solar 18 เมกะวัตต์ Angelo Solar 195 เมกะวัตต์ Big Elm Solar 200 เมกะวัตต์ และ Great Pathfinder 56 เมกะวัตต์ ซึ่งApex Clean Energy ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2568 จะมีโครงการเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อยู่ที่ 1,169 เมกะวัตต์

 ปัจจุบัน (เมษายน 2568) EGCO Group ลงทุนใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,608 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 6,461 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 147 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,350 เมกะวัตต์ คิดเป็น 20% ของกำลังผลิตทั้งหมด

 

หน้า 7 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,087 วันที่ 13 - 16 เมษายน พ.ศ. 2568