บ่ายวันนี้(9 ก.พ.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาด้านชลประทานในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยมี นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลประทาน นายสุริยพล นุชอนงค์ รองอธิบดีกรมชลประทาน นายเสริมชัย เซียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่พร้อมบรรยายสรุปผลการดำเนินงานด้านชลประทาน ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จังหวัดสระบุรี
นายชูชาติ รักจิตร อธิบดีกรมชลปนะทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ปัจจุบัน(9 ก.พ.67) 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 15,210 ล้าน ลบ.ม. (61% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) คิดเป็นปริมาณน้ำใช้การได้ 8,514 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากปัจจุบันพบว่าพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังเกินแผนที่วางไว้ฯ ทำให้จำเป็นต้องปรับแผนการจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 66/67 เพิ่มเติมจากแผนเดิม 6,100 ล้าน ลบ.ม. เป็น 8,700 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกไม่ให้เกิดความเสียหายจนกว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ ตามนโยบายของรัฐบาล
จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาไปแล้วประมาณ 4,373 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของแผนฯ (8,700 ล้าน ลบ.ม.) โดยคาดการณ์ว่า ณ วันที่ 1 พ.ค.67 จะมีน้ำใช้การได้ในลุ่มเจ้าพระยาประมาณ 4,715 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าว มีเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ ตลอดช่วงต้นฤดูฝนนี้ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การจัดสรรน้ำเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จึงขอความร่วมมือจากเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบแรกแล้วเสร็จ ไม่ทำนาปรังรอบ 2 เพื่อลดความเสี่ยงที่ผลผลิตจะเสียหายจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ และช่วยลดผลกระทบต่อการใช้น้ำโดยรวมของลุ่มเจ้าพระยา
ด้านการบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ปัจจุบัน(9 ก.พ.67) มีปริมาณน้ำในอ่างประมาณ 531 ล้าน ลบ.ม. มีการจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่ 1 พ.ย. 66 จนถึงขณะนี้ไปแล้ว 340 ล้าน ลบ.ม.(มีการพร่องระบายน้ำ 172 ล้าน ลบ.ม.) ปัจจุบันมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปเกินกว่าแผนค่อนข้างมาก กรมชลประทาน จึงได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอกับการเพาะปลูกของพี่น้องเกษตรกร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมกำชับให้โครงการชลประทานทุกพื้นที่ บริหารจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้ จัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ ให้สามารถออกปฏิบัติงานได้ตลอดเวลา รวมทั้งกำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง หมั่นตรวจสอบระบบและอาคารชลประทาน ให้สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่เป้าหมายได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ยังบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนและเกษตรกรรับทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งร่วมกันตระหนักถึงคุณค่าของน้ำ ประหยัดและใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป