เอไอเอ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รักษาอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและสุขภาพของไทย

06 เม.ย. 2567 | 08:30 น.
อัปเดตล่าสุด :06 เม.ย. 2567 | 13:38 น.

เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จปี 2566 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รักษาอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและสุขภาพของไทย

เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ จัดงาน “A Conversation with CEO” โดยนายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย ประกาศความสำเร็จสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ที่สูงเป็นอันดับ 1 ในทุกมาตรวัด(1)และมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 21 ทำลายสถิติผลการดำเนินงานที่ผ่านมากว่า 8 ทศวรรษ ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงและความแข็งแกร่งของเอไอเอ ประเทศไทย นอกจากนี้ นายนิคฮิลยังได้บอกเล่าทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของเอไอเอ ประเทศไทย ในปี 2567 เพื่อเป้าหมายในการยกระดับการดูแลคนไทยให้ครอบคลุมครบทุกมิติ ทั้งมิติด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมถึงสุขภาพการเงิน สอดคล้องกับคำมั่นสัญญาของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ‘Healthier, Longer, Better Lives’

นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทย เติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา โดยสามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21 เป็น 24,857 ล้านบาท จากความสามารถของพลังตัวแทนและช่องทางพันธมิตร นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและสุขภาพ ด้วยส่วนแบ่งการตลาด (Market Share)(1) ที่สูงที่สุดในทุกมิติ ได้แก่

  • ร้อยละ 24 เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่(2)(ANP) 
  • ร้อยละ 50 ยอดขายสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ
  • ร้อยละ 57 ยอดขายสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง 
  • ร้อยละ 59 ยอดขายประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) 
  • ร้อยละ 22 ยอดขายประกันกลุ่ม

เอไอเอ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์รักษาอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและสุขภาพของไทย

 

“ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้เอไอเอ ประเทศไทย เติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2566 มาจากการที่เรามีบุคลากรที่มีคุณภาพซึ่งทำให้เอไอเอแตกต่างจากคู่แข่ง ตลอดจนรูปแบบการทำงานที่เน้น Agility เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ช่องทางการขายที่แข็งแกร่งทั้งช่องทางพลังตัวแทนและช่องทางพันธมิตร โดยเอไอเอเป็นอันดับ 1 ในตลาด(1) ทั้งในแง่จำนวนตัวแทนที่มีมากกว่า 50,000 คนทั่วประเทศ รวมถึงจำนวนตัวแทนที่ได้รับคุณวุฒิ MDRT มากที่สุดนับตั้งแต่เอไอเอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพของพลังตัวแทนเอไอเอ และความสำเร็จของการสร้าง AIA Financial Advisor (AIA FA) ที่เพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 28 สำหรับช่องทางพันธมิตร เอไอเอ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน ในการสร้างสรรค์และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากนั้น เอไอเอ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการดำเนินงานเพื่อส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในขั้นตอนการพิจารณากรมธรรม์แบบอัตโนมัติ (STP) ในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 87 เพิ่มศักยภาพในการอนุมัติกรมธรรม์ประกันชีวิตรายเดี่ยวได้มากถึง 1,500 กรมธรรม์ต่อวัน และพิจารณาเคลมได้สูงสุดถึง 9,000 เคสต่อวัน การลงทุนอย่างจริงจังในการพัฒนาบริการดิจิทัลและแอปพลิเคชันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและตัวแทนผ่านแอป AIA+ และ AIA ONE เป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้เราก้าวทันยุคดิจิทัลและสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมแบบไร้รอยต่อได้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายคือการดำเนินธุรกิจอย่างมีวินัยเพื่อมุ่งนำเสนอความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพระยะยาวที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน 

กลยุทธ์ ABCDEF เป็นกลยุทธ์ที่เอไอเอมุ่งเน้นเพื่อยกระดับการดูแลและการบริการลูกค้า พร้อมกับการรักษาอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตและสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วย

  • A – Agency Transformation การพัฒนาช่องทางตัวแทนประกันชีวิตให้ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผลักดันการทำงานและการให้บริการลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า พร้อมยกระดับการสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพ และมุ่งพัฒนาตัวแทนใหม่อย่างต่อเนื่อง
  • B – Business Partner Acceleration การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของช่องทางพันธมิตร โดยเอไอเอมุ่งเสริมความแกร่งของช่องทางขายผ่านพันธมิตรที่มีอยู่เดิม พร้อมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้า
  • C – Customer Centricity การมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และมุ่งเปลี่ยนบทบาทจากเป็นเพียงผู้จ่ายเคลม (Payor) เป็นพาร์ตเนอร์ (Partner) ที่พร้อมดูแลลูกค้าในทุก ๆ วัน 
  • D – Digitalisation Journey การวางเส้นทางไปสู่ยุคดิจิทัลเพื่อตอกย้ำการเป็น Digital Insurer แห่งแรกของประเทศไทย โดยมุ่งพัฒนานวัตกรรมด้านดิจิทัลเพื่อเสริมการบริการให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นผ่าน All-in-one Application สำหรับลูกค้าและตัวแทน
  • E – Employee Wellbeing ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน โดยเอไอเอให้ความสำคัญกับการสร้างความเท่าเทียมในที่ทำงาน และเปิดโอกาสให้พนักงานได้เสนอความคิดเห็น เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน
  • F – Future Healthcare การดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพและยั่งยืนเพื่อคนไทย ด้วยการนำเสนอโซลูชันด้านการดูแลและรักษาสุขภาพที่ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมส่งเสริมให้คนไทยทุกคนมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐาน ตลอดจนได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

“เอไอเอ มุ่งมั่นเดินตามพันธกิจที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจากการที่ปัจจุบันเรามองเห็นแนวโน้มที่คนจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ถึงอายุ 100 ปี เนื่องด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำ แต่ในขณะที่อายุสุขภาพกลับไม่ยืนยาวสอดคล้องไปตามอายุขัย ฉะนั้นในช่วงบั้นปลายชีวิตของหลาย ๆ คนอาจตกอยู่ในภาวะที่เงินเก็บไม่เพียงพอสำหรับใช้ในการรักษาตัวเองหากเจ็บป่วย ด้วยเหตุนี้ เอไอเอจึงได้พัฒนาโซลูชันด้านสุขภาพให้สามารถดูแลคนไทยได้ครอบคลุมและคุ้มครองยาวนานขึ้นถึงอายุ 99 ปี(3) รวมทั้งได้ออกแคมเปญ Living to 100 ที่เราตั้งใจผลักดันให้คนไทยเตรียมวางแผนสุขภาพและการเงิน เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น
“เอไอเอ ยังคงเดินหน้าดูแลคนไทยในฐานะผู้นำธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีนวัตกรรมและตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งให้แก่คนไทยทุกคน” นายนิคฮิล กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา:
(1) ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย ณ เดือนธันวาคม 2566
(2) เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่: เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) + 10% เบี้ยประกันภัยรับชำระครั้งเดียว (SP)
(3) ความคุ้มครองเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์