กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความบนสื่อออนไลน์ “เตือน!!! นครศรีธรรมราช น้ำล้นสปีลเวย์ ทุกอ่าง ทุกอำเภอแล้ว หมายความว่าฝนที่ตกลงมาจากนี้ จะไม่มีที่เก็บน้ำ จะไหลหลากลงที่ลุ่มต่ำอย่างเดียว” ว่า
เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนผ่านอ่าวไทยตอนล่าง ภาคใต้ตอนล่าง และประเทศมาเลเซีย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีฝนหนักถึงหนักมาก ในช่วงวันที่ 15-16 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน (18 ต.ค. 66) อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช รวม11 แห่ง มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 206.35 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุอ่างฯ รวมกัน
โดยมีอ่างเก็บน้ำ ที่มีปริมาณน้ำล้นผ่านอาคารระบายน้ำล้น (Spillway) จำนวน 8 แห่ง เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองกะทูนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และอ่างเก็บน้ำคลองดินแดงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอพิปูน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำทำนบ 3 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำบ้านนาประดิษฐ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำห้วยนบเทวดาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำสระมโนราห์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำคลองเพรียงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ อ่างเก็บน้ำศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยตง ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังคงอยู่ในระดับตลิ่งและยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชน
ทั้งนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำไม่ถึงระดับเก็บกักอีก 3 แห่ง สามารถรับน้ำได้รวมกันประมาณ 43.35 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากในระยะนี้ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ อาจจะส่งผลให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น จึงยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป
กรมชลประทาน ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงสามารถปฏิบัติงานได้ทันที และได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา