สยามสินธร เน้น ‘ลีสโฮลด์’ เชื่อตลาดกำลังมาแรง-ที่ดินกลางเมืองหายาก
สยามสินธรชี้เทรนด์อสังหาฯ ต่างประเทศ ย่านใจกลางเมือง “โครงการขายแบบเช่า” หรือลีสโฮลด์ มาแรง ส่วนไทยลูกค้าเริ่มเปิดรับ จุดเด่นราคาตํ่ากว่าฟรีโฮลด์ 25% เผยยอดขายสินธรเรสซิเดนซ์ได้กว่า 75%
นายขจรเดช แสงสุพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท สยามสินธร จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากโครงการสินธร เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2557 และก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2559 ประกอบด้วย 2 อาคารสูง 35 ชั้น และ 10 ชั้น รวมทั้งหมด 202 หน่วย ตั้งแต่ขนาด 35-345 ตารางเมตร โดยราคาขายเฉลี่ย 2.4 แสนบาทต่อตารางเมตร ปัจจุบันมียอดขายกว่า 75% และได้ทยอยส่งมอบพร้อมมีลูกค้าเข้าอยู่แล้วหลายห้อง
ลูกค้าส่วนใหญ่คือคนไทย เป็นเจ้าของกิจการ หรือซื้อให้บุตรวัยทำงาน และวัยเรียนที่มีโรงเรียนในเมือง จากการสอบถามส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง นอกจากนี้ยังมีลูกค้าบริษัทฯเชิญมาเยี่ยมชมโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วตัดสินใจซื้อก็หลายราย
จุดโดดเด่นของโครงการสินธร เรสซิเดนซ์ เน้นการออกแบบที่คำนึงถึงพื้นที่สีเขียว พื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างมากประมาณ 60% พื้นที่ขายแค่ 40% ทางเดินกว้างขวางทำให้ผู้อยู่อาศัยและชุมชนได้รับความโปร่ง โล่ง สบายท่ามกลางสวนในคอนเซ็ปต์"ลิฟวิ่งอินเดอะพาร์ค" (Living in the Park) ด้านตัวอาคารมีมาตรฐานการออกแบบและก่อสร้างสูงสุด เลือกใช้วัสดุและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพสูง ตามมาตรฐานอาคารเขียวของ LEED จึงเป็นที่อยู่อาศัยที่นอกจากจะอยู่สบายแล้ว ยังมีมูลค่าเพิ่มในอนาคตอีกด้วย
"โจทย์ของบริษัท อยากพัฒนาสินธร เรสซิเดนซ์ให้เป็นโครงการต้นแบบในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย จึงต้องการสร้างทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบในทุกมิติ ทั้งทำเล ย่านหลังสวนซึ่งถือเป็นทำเลทองของกรุงเทพฯ แนวคิดการพัฒนาโครงการ อยู่สบาย สถานที่เงียบสงบ และที่สำคัญราคาที่ลูกค้าจับต้องได้ เฉลี่ยตารางเมตรละ 2.4 แสนบาท เทียบกับโครงการระดับเดียวกันในย่านใกล้เคียงบางแห่งเฉลี่ยตารางเมตรละ 5 แสนกว่าบาท"
นายขจรเดช กล่าวถึงการที่โครงการสินธร เรสซิเดนซ์ เป็นโครงการขายแบบให้เช่า (Leasehold) ระยะยาว 30 ปี และต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 30 ปีรวมทั้งหมด 60 ปี โดยบริษัท สยามสินธร เป็นผู้บริหาร ดูแล และบำรุงรักษาอาคารเอง เพื่อทำให้ลูกบ้านมั่นใจได้ว่าอาคารจะอยู่ในสภาพดี สวยงาม เป็นบ้านที่น่าอยู่และอยู่สบายตลอดไป
"โดยทั่วไปในประเทศไทย โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่จะเน้นขายขาด หรือฟรีโฮลด์ ขณะที่ตลาดในต่างประเทศ เมืองสำคัญๆ ไม่ว่า นิวยอร์ค หรือลอนดอน ในย่านธุรกิจในกลางเมืองที่ดินจะเป็นแบบเช่าสิทธิด้วยกันทั้งสิ้น ต่างกับประเทศไทยโครงการส่วนใหญ่จะเป็นฟรีโฮลด์ ทั้งที่ ราคาอสังหาริมทรัพย์แบบเช่าสิทธิ หรือลีสโฮลด์ จะต่ำกว่าฟรีโฮลด์ 20-25% โดยประมาณ และถ้าหากว่าดีเวลลอปเปอร์เป็นเจ้าของที่ดินเองเช่นสยามสินธร เปรียบไปก็เกือบจะฟรีโฮลด์ ลูกค้าสามารถอยู่ได้นาน"
นายสืบพงษ์ เกียรติวิศาลชัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท สยามสินธร กล่าวเสริมว่า วันหนึ่งประเทศไทยก็ต้องเดินไปในทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ไม่ว่ายุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ดินใจกลางเมืองเช่นย่านออร์ชาร์ด เป็นโครงการอสังหาฯแบบเช่าสิทธิทั้งหมด ก็เพราะลีสโฮลด์จะเจริญเติบโตได้ดีในทำเลที่ไม่เหลือพื้นที่ให้พัฒนา และเป็นที่ดินที่มีศักยภาพสูง และมีดีมานด์ของผู้ซื้ออยากจะอยู่อาศัยในย่านธุรกิจ ถ้าจะพัฒนาที่ดินบริเวณนั้นต้นทุนการพัฒนาต้องแพงมากจนผู้บริโภคอาจมองว่าเกินความจำเป็นที่จะซื้อเป็นเจ้าของ ก็เลยเลือกการเช่า และเก็บเงินสดบางส่วนไปลงทุน เป็นเทรนด์ของโลก สำหรับเมืองไทย ยังไม่มีที่ลีสโฮลด์ที่ดีๆเท่ากับที่ต่างประเทศ จึงเป็นจุดที่สยามสินธรต้องทำเป็นการนำร่อง ซึ่งพิสูจน์ได้จากยอดขายที่มีกว่า 75%
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,244 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2560