หลังการปรับตัวครั้งใหญ่ของ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด ที่ปรับตัวเองจาก ผู้บริหารจัดการศูนย์แฟชั่นค้าส่งขนาดใหญ่ มาเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ แผนงานของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยการวางแนวทางของ “ชาญชัย พันธุ์โสภา” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด ซึ่งวันนี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยถึงมิชชัน และ วิชันในอีก 3-5 ปีข้างหน้า หลังการทรานส์ฟอร์มองค์กร
++ปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ
แพลทินัมเปิดให้บริการมาได้ 12-13 ปี ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในการบริหารจัดการศูนย์แฟชั่นค้าส่งจากในระดับประเทศ มาสู่ระดับภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ต้องบอกว่า เราเป็นแล้ว และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หลังได้ที่ดินตรงข้ามเซ็นทรัลเวิลด์ ติดกับบิ๊กซี บริษัทจึงระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพร้อมขยายธุรกิจปรับโมเดลใหม่ วางแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยปรับตัวเองจากผู้บริหารจัดการธุรกิจค้าส่ง มาสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ เน้นองค์รวมเรื่องการพัฒนา มองแบบผสมผสาน นอกเหนือจากศูนย์การค้า ก็มองโอกาสเรื่องการทำโรงแรม อาคารสำนักงาน อาคารที่อยู่อาศัย ด้วยงบการลงทุนกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
สิ่งที่แพลทินัม มีอยู่แล้ว คือ ทีมงานในการดูแลพื้นที่ รักษาความปลอดภัย มีการลงทุนในธุรกิจโรงแรม ภายใต้แบรนด์ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ แพลทินัม ประตูนํ้า ที่ได้เชนแอคคอร์มาทำหน้าที่บริหาร และยังมีธุรกิจศูนย์อาหาร โครงการคอมมิวนิตีมอลล์ เดอะ วอร์ฟ ที่สมุย ซึ่งกำลังปรับกลยุทธ์และแผนงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจ และร้านค้า โดยกำลังเจรจากับร้านค้าแบรนด์เนมรายใหญ่อยู่ 4-5 แบรนด์
[caption id="attachment_210186" align="aligncenter" width="330"]
ชาญชัย พันธุ์โสภา[/caption]
++งบลงทุน 1.1 หมื่นล้าน
ใน 5 ปี แผนลงทุนเราชัดเจน ตัวเลขการลงทุนประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 1 หมื่นล้านบาท ลงทุนกับโครงการเดอะมาร์เก็ต แบงค็อก บนพื้นที่กว่า 2 แสนตารางเมตร มีร้านค้าประมาณ 5,800 ร้าน ส่วนที่เหลือเป็นอาคารอีก 3 อาคาร โรงแรม 2 อาคาร และสำนักงานอีก 1 อาคาร เป็นโครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง
ส่วนของร้านค้า จะแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้าขนาดใหญ่กว่า 100 ตารางเมตรประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ร้านค้าขนาดเล็ก พื้นที่ประมาณ 15 ตารางเมตร ซึ่งตอนนี้คุยไปแล้ว 300-400 ร้านค้า โดย 98% ให้การตอบรับ คาดว่าจะเริ่มเปิดเจรจาไตรมาส 4 ปีนี้ และปิดการขายจริงประมาณไตรมาส 2 ปีหน้า ส่วนร้านอาหาร 30-35% จะเป็นร้านค้าที่ไม่เคยเปิดในใจกลางเมืองมาก่อน ตอนนี้กำลังเตรียมเซ็นสัญญา
การคัดเลือกร้านค้าและการกำหนดพื้นที่ รวมทั้งการดีไซน์ร้านค้า เป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมาก สำหรับร้านค้าเล็ก แพลทินัมจะทำหน้าที่ออกแบบ และกำหนดพื้นที่ให้เองตามความเหมาะสม โดยตั้งเป้าว่าศูนย์การค้าจะเปิดให้บริการได้ประมาณไตรมาส 4 ปี 2561 ซึ่งจะมีร้านค้าไม่ตํ่ากว่า 90% ในพื้นที่ทั้งหมด ขณะนี้สร้างไปแล้ว 7 ชั้น
สำหรับอาคารสำนักงาน มีพื้นที่ประมาณ 5 หมื่นตารางเมตร และโรงแรม 2 อาคาร อาคารละ 400-500 ห้อง อยู่ระหว่างเจรจากับเชนจากต่างประเทศ ที่จะเข้ามาบริหาร คาดว่าจะเสร็จเรียบร้อยประมาณปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปีนี้ โดยจะเป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ที่รองรับนักท่องเที่ยวและลูกค้าที่มาช็อปปิ้งในย่านประตูนํ้า-ราชประสงค์
ส่วนงบการลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท ใช้สำหรับการลงทุนในโรงแรมอีก 2 แห่งที่ เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้บริษัทได้ยื่นขอ EIA ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 2561 แน่นอน
++คาดการณ์คืนทุนเมื่อไร
ธุรกิจศูนย์การค้าแบบนี้บอกยากว่าจะคืนทุนได้เมื่อไร มันขึ้นอยู่กับว่าเปิดมาแล้วติดเลยหรือเปล่า ถ้าติด ก็สามารถคืนทุนได้เร็วมากภายใน 7-8 ปี แต่ถ้าไม่ติดก็มี 11-12 ปี ผมคาดว่า รายได้เดอะมาร์เก็ตเต็มปี ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2562 จะเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมดของแพลทินัม ซึ่งจะทำให้ในปีนั้น แพลทินัมกรุ๊ป มีรายได้เติบโตค่อนข้างสูง
++แผนการลงทุนหลังจากนี้
เรายังเน้นเรื่องศูนย์การค้า โดยเดินหน้าไปอย่างมีพันธกิจที่เน้นโลเกชันย่านประตูนํ้าเป็นหลัก ซึ่งเป็นธุรกิจและทำเลที่เรามีความแข็งแรง ใน 5 ปี เราจะมีโรงแรมอีก 4-5 แห่ง ศูนย์การค้ารวมแพลทินัม อาจจะมีอีก 4 แห่ง อาคารสำนักงานอีก 2-3 โลเกชัน แต่สิ่งที่ขาดคือ แลนด์แบงก์ ซึ่งแพลทินัมไม่มีแลนด์แบงก์เป็นของตัวเอง แต่ตรงนั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะเราอาจใช้วิธีการเช่าพื้นที่ หรือร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งเบื้องต้น ณ วันนี้ ยังบอกว่า แพลทินัมยังสนใจที่จะลงทุนในพื้นที่ย่านประตูนํ้าเป็นหลัก
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,298 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 256