ถอดบทเรียนเครนถล่มซํ้าซาก สภาวิศวกรจี้ตรวจสอบงานก่อสร้าง

05 ก.ย. 2561 | 10:10 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2561 | 17:10 น.
จากเหตุการณ์เครนถล่มขณะกำลังก่อ สร้างคอนโดมิเนียม The Rise Rama 9 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 รายนั้น สภาวิศวกรได้เข้าตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์เครนถล่มหลายเหตุการณ์ขณะกำลังก่อสร้างนั้นเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในการก่อสร้างสะพาน ทางวิ่งรถ ไฟฟ้ายกระดับ และอาคารสูง เช่น เครนถล่มขณะก่อสร้างสะพานข้ามแม่นํ้าเจ้าพระยาที่ จ.พระนครศรีอยุธยาเมื่อปี 2559 เครนก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติ บริเวณถนนพระราม 9 เมื่อปี 2559 และเครนก่อสร้างถล่มขณะ ก่อสร้างโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง บริเวณหน้าวัดดอนเมืองเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา

เหตุการณ์เหล่านี้ ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร  ให้ทรรศนะที่น่าสนใจว่า เครนหรือปั้นจั่นคือเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ใช้ในการยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของ เครนที่ใช้ในการก่อสร้างโดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 1. ทาวเวอร์เครน (Tower Crane) ซึ่งหมายถึงเครนที่สร้างเป็นลักษณะหอสูงตั้งอยู่กับที่มีรัศมีทำการรอบตัวเครน และ 2. โมบายเครน (Mobile crane) หมายถึงเครนตั้งอยู่บนล้อรถที่เคลื่อนที่ได้

20170501190727-6

สำหรับกรณีเครนก่อสร้างโครงการ The Rise Rama 9 จัดเป็นประเภท Tower Crane มี ความสูงประมาณ 30 ม. มีปลายแขนหรือบูมทำการในช่วงความยาวประมาณ 40 ม. สภาวิศวกรได้ร่วมกับสมาคมผู้ตรวจสอบอาคารได้ส่งผู้ชำนาญการ เข้าเก็บข้อมูลการพังถล่มเป็นเบื้องต้นแล้ว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยได้รับการประสานงานจากสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ในส่วนสาเหตุการพังถล่มของเครนตัวนี้ ขณะนี้ยังระบุไม่ได้ ต้องรอผลการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากภาคสนามเสียก่อนจึงจะสามารถระบุได้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

ศ.ดร.อมร ยังได้ชี้ถึงกรณีที่ผ่านมาเครนก่อสร้างอาจถล่มด้วยสาเหตุได้หลายประการ ได้แก่ 1. การยกนํ้าหนัก หรือสิ่งของเกินพิกัดนํ้าหนัก 2. การไม่ยึดเครน เข้ากับโครงสร้างอาคารให้มั่นคง

3. ชิ้นส่วนตลอดจนรอยต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ไม่แข็งแรง หรือมีจุดยึดไม่พอ 4. อายุการใช้งานเครนและการเสื่อมสภาพ เช่น การเกิดสนิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณฐานเครน 5. ฐานรากที่รองรับเครนไม่แข็งแรงพอ และ 6. ความผิดพลาดของพนักงานที่ปฏิบัติงานในขั้นตอนการทำงาน

ดังนั้นจึงจะเห็นว่า การถล่มของเครนก่อสร้างอาจเกิดได้หลายกรณี ทั้งปัจจัยที่เกี่ยวกับความแข็งแรงในการรับนํ้าหนักของตัวเครนเอง หรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ปฏิบัติงานอยู่ การวิเคราะห์หาสาเหตุจึงต้องทำอย่างถี่ถ้วนและครอบ คลุมปัจจัยทุกด้านอย่างครบถ้วน และขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด

ทั้งนี้ “เครน” คือเครื่อง จักรกลอย่างหนึ่ง การใช้งานต้องดูแลรักษามีหลักการเช่นเดียวกับการดูแลรักษารถยนต์ที่เราใช้ขับขี่ทุกวัน โดยการใช้งานเครนให้ปลอดภัยนั้นเลขาธิการสภาวิศวกรแนะนำว่าจะต้องทำการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครน โดยแบ่งออกเป็น 1. การตรวจสอบประจำวันตามรายการตรวจสอบโดยพนักงานควบคุมเครน และ 2. การตรวจสอบเพื่อซ่อมบำรุงตามรอบเวลาเช่นทุก 3  เดือนหรือตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด เช่นเดียวกับการเอารถยนต์เข้าตรวจเช็กระยะนั่นเอง ที่สำคัญไม่แพ้กันคือพนักงานควบคุมเครน ต้องผ่านการอบรมและต้องมีจิตสำนึกที่ไม่ประมาทและต้องปฏิบัติตามข้อหนดการใช้งานอย่างเคร่งครัด

……………………………………………………………….

รายงาน โดย คเณ มหายศ

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3398 ระหว่างวันที่ 6 - 8 กันยายน 2561

23626556