นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เปิดเผยถึงการดำเนินธุรกิจ ครั้งยิ่งใหญ่ ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income) ให้มีสัดส่วนกำไรที่ 50:50 ภายในปี 2564 ด้วยการพัฒนาโครงการ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชียขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Fully Integrative Wellness & Medical Retreat” ซึ่งเป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ร่วมกับศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม โดยเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมเปิดให้บริการ ในเดือนธันวาคม 2563 นี้
“MK เป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยมายาวนานมากกว่า 60 ปี จนมื่อช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและทีมบริหารใหม่ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะนำบริษัทเข้าสู่ธุรกิจรายได้ประจำหรือ Recurring Income โดยเน้นธุรกิจเพื่อเช่าและธุรกิจเพื่อการบริการ ทั้งนี้ หากลองพิจารณาดูจากศักยภาพและการแข่งขัน ของประเทศไทยในแง่ธุรกิจการแพทย์นั้น ถือว่าเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทำให้เราก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจสุขภาพ ด้วยการพัฒนาโครงการ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็น World-Class Medical Wellness Destination จึงได้จับมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับ ในระดับนานาชาติอย่าง
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ รพ.บำรุงราษฎร์ ที่มีความเชี่ยวชาญและโดดเด่น ด้านการดูแลสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย ด้วยการที่บริษัทฯ มีพาร์เนอร์เป็นสถาบันทางการแพทย์ ทำให้สามารถให้บริการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้หลากหลายแขนง ยิ่งไปกว่านั้นการได้ร่วมมือกับ ไมเนอร์ฯ ที่มีความเป็นมือหนึ่งในด้าน Hospitality การดูแลและบริหารจัดการห้องพักระดับลักซัวรี่ทั่วทุกทวีปโลก ร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นอยากเป็นรูปธรรม สอดคลองกับแผนแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศไทย (พ.ศ.2560-2569) ของกระทรวงสาธารณสุข โดย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ทั้งยังสนับสนุนนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical and Wellness Tourism โดยนโยบายดังกล่าวยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญของรัฐบาล อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”
บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจสุขภาพค่อนข้างมาก เนื่องจากมีแผนการส่งเสริมจากภาครัฐที่ชัดเจน ผนวกกับการวางนโยบายแผนงานตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) ของบริษัทฯ ที่ต้องการรุกธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ (Recurring Income ) ให้มีสัดส่วนของกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 50% เมื่อเทียบกับกำไรของธุรกิจทั้งหมด โดยโครงการ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชียนี้ ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่จะตอกย้ำความสำเร็จของวิสัยทัศน์ ที่ทีมบริหารได้ตั้งเป้าเอาไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว” นายวรสิทธิ์ กล่าว
ด้าน นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงไลฟ์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการรักษ ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม กล่าวว่า “โครงการ รักษ (รัก-ษะ) เป็นศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ตั้งอยู่ในพื้นที่คุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์เชิงป้องกันแบบองค์รวม ที่ครอบคลุมในทุกๆ ศาสตร์ ทุกมิติ ผสมผสานระหว่างการนำเอาวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ร่วมกับศาสตร์การแพทย์ แบบองค์รวม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง นับเป็นการบูรณาการแบบองค์รวมแห่งแรก ในประเทศไทยและในเอเชีย โดยลักษณะการให้บริการจะจัดเป็นโปรแกรมดูแลสุขภาพโดยมีตั้งแต่โปรแกรมตรวจเช็คสุขภาพ (Wellness Screening) ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาทต่อท่าน และแพ็กเกจแบบ 3 วัน จนถึง 14 วัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ด้วยโปรแกรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร (Gut Health) การเสริมภูมิคุ้มกัน (Immunity Booster) การดูแลน้ำหนัก (Weight Management) หรือการผ่อนคลายความเครียด (De-Stress) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมดูแลสุขภาพและความงาม (Facial and Body Solution) จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย”
โดย นางสาวดุษฎี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ รักษ (รัก-ษะ) เพิ่มเติมว่า ตัวโครงการมีการออกแบบภูมิทัศน์ภายใต้คอนเซ็ป “BOTANICAL WELLNESS JOURNEY” ที่อุดมไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์ เพื่อให้เกิดสุนทรียภาพทางกาย ใจ เน้นการใช้ธรรมชาติบำบัด โดยสร้างพื้นที่สีเขียวด้วยต้นไม้ใหญ่มากกว่า 3,500 ต้น ภายในโครงการ และนอกจากเรื่องทรีทเม้นท์เพื่อการดูแลสุขภาพแล้ว อาหารการกินตลอดจนการอยู่อาศัยก็นับเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ดี โดยโครงการเปิดให้บริการห้องพักฟื้นอยู่ที่ 27 ห้อง ในเดือนธันวาคม 2563 นี้ นอกจากนี้ภายในโครงการประกอบด้วยห้องอาหาร “อู่ข้าว” และ “อู่น้ำ” ซึ่งสื่อถึงเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของการกิน โดยอาหารที่จะเสิร์ฟนั้นจะมีทีมนักโภชนาการคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้การรับประทานอาหารเป็นไปเพื่อเสริมสร้างสุขภาพหรือเพื่อต้านการอักเสบของร่างกาย นอกจากนั้นยังมีเวิร์กช็อปและกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมอีกด้วย
“โครงการ รักษ (รัก-ษะ) จะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 ตามแผนธุรกิจ 5 ปีของบริษัทฯ ที่ได้ตั้งไว้ โดยมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยดันกำไรของธุรกิจ Recurring Income เป็น 50:50 ได้ใน 2564 อย่างแน่นอน สำหรับก้าวต่อไปของบริษัทฯ ตามแผนธุรกิจอีก 5 ปีในเฟส 2 จะเดินหน้าพัฒนาและผลักดันธุรกิจที่ได้สร้างขึ้นไว้ให้เต็มประสิทธิภาพ ในทุกมิติของการดำเนินงาน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายวรสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย