จากศักยภาพความเป็นจุดเชื่อมต่อใหญ่ การเดินทางกลางเมือง รถไฟฟ้า2 สาย ทั้ง ใต้ดิน MRT สีนํ้าเงิน และบีทีเอส สายสีเขียว แหล่งช็อปปิ้ง แหล่งงาน ขนาดใหญ่ อีกทั้งเป็นย่านที่ นักธุรกิจตลอดจนนักท่องเที่ยว ต่างชาติให้ความนิยมส่งให้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอโศกมีคอนโดมิเนียมสะสม มากถึง 8,057 หน่วย ทั้งนี้จากการยืนยันของบริษัทวิจัย ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ ระบุว่านับตั้งแต่ปี 2557 เฉลี่ย 1.5-2 แสนบาทต่อตารางเมตร และ ในช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เปิดขายตารางเมตรละกว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตรขึ้นไปเนื่องจากราคาที่ดินสูงกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวาจากความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นของการลงทุนโครงการใหญ่
ดัมพ์เหลือตร.ม. 7หมื่น
เมื่อพิษโควิดยังเล่นงานเศรษฐกิจซบเซาไร้ความหวังรัฐบาลออกมาตราการช่วยเหลืออโศกกลายเป็นทำเลเรดโอเชียนที่คอนโดมิเนียม แข่งขันรุนแรง ล่าสุดโค้งสุดท้ายปลายปี เกิดปรากฎการณ์ ดีเวลอปเปอร์ ประกาศลดราคาสูงถึง 40% จากตารางเมตรละ 1.2แสนบาท เหลือเพียง 7 หมื่นบาท ต่อตารางเมตร โล๊ะสต็อก ปิดการขายสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการสวนทางราคาที่ดินแพงระยับขยับสู ขณะวงในยืนยันว่าเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจที่ลงขันซื้อเกือบ 100 ห้องเพื่อทำกำไร
พฤกษาถอย
ย้อนไปช่วงเดือนพฤษภาคม ช่วงไวรัสระบาดรุนแรงจนบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ต่างถอยทัพ บริษัท พฤกษาจำกัด (มหาชน) ประกาศขายที่ดิน เนื้อที่ 4ไร่เศษ กำเงินสด ยกเลิกขึ้นโครงการหรูไอวี่ สุขุมวิท 18 ห่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก 600เมตร ทั้งๆ ที่มีแผน เตรียมขึ้น โครงการ 2อาคาร 800หน่วย ผลกระทบนี้ นายปิยะ ปะยงค์ CEO-PS ยอมรับว่าทำเลนี้เรดโอเชียน การแข่งขันรุนแรง เมื่อกำลังซื้อ ต่างชาติไม่มีลูกค้าไทย ชะลอตัดสินใจซื้อ หากดันทุรังขึ้นโครงการจะบาดเจ็บหนัก ได้ไม่คุ้มเสียเนื่องจากราคาขายต่อตารางเมตรค่อนข้างสูงเฉลี่ยกว่า 2 แสน บาทต่อตารางเมตร
อนันดา-เอพีลดแรง
ขณะโครงการที่เปิดขายค่ายใหญ่เจ้าตลาดคอนโดฯติดรถไฟฟ้า บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งมีการโหมแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อในหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง ยังคงเดินหน้าลดราคาระบายสต็อก โดยเฉพาะกลุ่มโครงการที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และรอส่งมอบโอนกรรมสิทธิ์ 7 โครงการขนาดใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีโดยเฉพาะโครงการที่ถูกโปรโมท เป็น New Iconic บนทำเลแยกอโศก-พระราม 9 คอนโดมิเนียมหรู บนผืนที่ดินแปลงหัวมุมผืนสุดท้ายใจกลาง CBD กรุงเทพ โครงการ “แอชตัน อโศก-พระราม 9” มูลค่าโครงการ จำนวน 599 หน่วย ในราคาเริ่ม 7.9 ล้านบาท จากราคาเดิม 8.5 ล้านบาท ทั้งนี้ทำเลอโศก-พระราม9 เป็นพื้นที่สำคัญด้านแหล่งอาคารสำนักงานหนาแน่น รายล้อมด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ซึ่งคอนโดฯที่มีการปล่อยเช่าปัจจุบันได้รับผลตอบแทนดีถึง 6%ต่อปี
ในทำเลเดียวกันอย่าง บมจ.เอพี ไทยแลนด์ ได้จัดแคมเปญ HURRICANE SALE ลดแรง 20% จอง 5,000 บาท ฟรีค่าใช้ จ่ายวันโอนและรับของแถม รวม 20 รายการในโครงการ Life อโศก-พระราม 9 เช่น ห้องชุดสตูดิโอ จากราคา 4.4 ล้านบาท เหลือ 3.2 ล้านบาท ขณะ 1 ห้องนอน จาก 5.12 เหลือ 3.99 ล้านบาท
สิงห์ลดเหลือ11.9 ล.
ด้านบมจ.สิงห์ เอสเตท มีการจัดแคมเปญลดราคา สำหรับคอนโดมิเนียมระดับ ลักชัวรี แบรนด์ “ดิ เอส” (The ESSE) ใน 2 ทำเลใจกลางเมือง คือ โครงการ ดิ เอส อโศก ซึ่งถือ เป็นโครงการไฮไลท์ของบริษัท ด้วยการเป็นคอนโดฯที่สูงที่สุดในย่านสุขุมวิท บนทำเลใจกลางอโศกมนตรี ในราคาเริ่ม 8.99 ล้านบาท และอีกโครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มีการลดราคาลง จากราคาเริ่มต้นกว่า 12 ล้านบาท ณ วันเปิดตัว ช่วงปี 2560 ปัจจุบัน เหลือ 11.9 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเล ติดกับสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ เปรียบเป็นทำเลที่ “ไม่มีวันตาย” ซึ่งที่มีการแข่งขันด้านซัพพลายที่อยู่อาศัยระดับบนสูง มาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน จากความต้องการของลูกค้ามีกำลังซื้อ รวมถึงเป็นที่หมายปองของนักลงทุนชาวไทย และชาวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง จากการเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ เป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จัก โดยเฉพาะกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย ก็นิยมพักอาศัยในย่านดังกล่าว ทั้งนี้การลดราคาลง จึงถือเป็นการสวนทาง กับราคาที่มักมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อโครงการใกล้แล้วเสร็จในสถานการณ์ปกติ โดยบริษัทระบุว่าแคมเปญดังกล่าว เพื่อต้องการเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เข้าถึงได้มากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
หน้
หั่นราคาขายบิ๊กล็อต
ด้านนายกิตติ พัฒนาพงศ์พิบูล ประธานสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า การปรับลดราคาขายอสังหาริมทรัพย์นั้นมี2เหตุผลคือ กรณีซื้อบิ๊กล็อตหรือซื้อเหมาซึ่งราคาโครงการไม่ว่าสถานการณ์ใดราคาขายจะตํ่ากว่าลูกค้ารายย่อย เพราะนอกจากค่าก่อสร้างค่าการขายรายย่อยแล้วยังมีต้นทุนค่าบริหารโครงการด้วยดังนั้นโอกาสทำกำไรไม่สูงนัก และ 2 โควิดทำให้กำลังซื้อลดลง ประกอบกับปัจจุบันระบบขนส่ง คมนาคมเจริญขึ้นเอื้อให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมากทำให้แข่งขันราคาซึ่งมีทั้งข้อดีและเสีย ส่วนหนึ่งเมื่อโครงการใหม่ปรับลดลงโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้วรอขายก็ต้องปรับราคาลดลงซึ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ตามราคาอสังหาฯที่ปรับลดจึงเป็นไปโดยผู้ประกอบการดำเนินการลดราคาในภาวะยากลำบากขึ้นอยู่แต่ละโครงการ, ทำเลและสถาน การณ์ นอกจากนี้โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอาจต้องชะลอด้วย นอกจากนี้ด้านกำลังซื้อที่ปรับลดนั้น เนื่องจากภาระหนี้ต่อรายได้เพิ่มขึ้นมากและแหล่งที่มาของรายได้ไม่แน่นอน ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจหดตัวก็หวังว่าจะหดตัวชั่วคราว
หน้า1หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 3618