นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2564 แสนสิริได้วางเป้าหมายพัฒนาโครงการใหม่ไว้ 24 โครงการ รวมมูลค่า 26,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ในแผนปีนี้แบ่งเป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,300 ล้านบาท และทาวน์โฮมและมิกซ์ โปรเจกต์ 12 โครงการ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 4,100 ล้านบาท อยู่ในเซกเมนต์ Affordable และ Medium เป็นหลัก เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย
ขณะเดียวกันเราจะขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ Luxury ด้วยสินค้าใหม่ ทั้งทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว 3 ชั้นภายใต้แบรนด์ใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในปี 2564 นี้ได้ 26,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้ายอดขายแนวราบ 16,000 ล้านบาท และเป้ายอดขายคอนโดมิเนียม 10,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 27,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเป้าโอนโครงการแนวราบ 16,000 ล้านบาท และเป้าโอนคอนโดมิเนียม 11,000 ล้านบาท ขณะที่แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3 ปี อีกถึง 27,700 ล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
“ปี 2564 ที่นับว่าประเทศไทยและเศรษฐกิจยังมีความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เชื่อว่าในครั้งนี้เราพร้อมสู้มากขึ้น แสนสิริพร้อมที่จะสู้ด้วย “ความหวัง” เราจึงยกให้ปีนี้เป็น “The Year of Hope” ที่ไม่ใช่แค่ความหวังของแสนสิริ แต่เป็นความหวังของลูกค้า สังคมและคนไทยทุกคน”
ทั้งนี้ แสนสิริพร้อมก้าวต่อด้วยแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงง่าย ด้วยการพัฒนาโครงการใหม่ ในระดับราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วย product ที่หลากหลาย ครอบคลุมทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้ดีไซน์ที่ตอบโจทย์ทุกความชอบ เพื่อเพิ่มโอกาสการมีบ้านหลังแรก ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการในระดับราคาเข้าถึงง่าย ภายใต้แบรนด์ ‘สิริ เพลส’ - ‘อณาสิริ’ - ‘สราญสิริ’ และ ‘ บุราสิริ’ โดยไฮไลท์ที่สำคัญในปีนี้ แสนสิริจะเปิดตัว products ภายใต้แบรนด์ใหม่ เริ่มจากการเปิดตัว Affordable Condominium เซกเมนต์ใหม่ ภายใต้ แบรนด์ใหม่ เจาะกลุ่ม Young Generation ในทำเลคอมมูนิตี้เมือง อาทิ รัชดา, เกษตรฯ, รามคำแหง และ บางนา ในระดับราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มต้นเพียง 1.xx ล้านบาทเท่านั้น
การเปิดตัว “SIRI Residence” New segment ทาวน์โฮมระดับบน บนทำเลที่ดินผืนใหญ่ที่หายากใจกลางเมือง ในปีนี้จะมี 2 ทำเลและเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 และการเปิดตัว “BuGaan” แบรนด์ใหม่ของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับราคา 30 – 80 ล้านบาท เจาะกลุ่ม Young Successor ภายใต้จุดขาย Modern Luxury Living ในทำเลโยธินพัฒนา เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ เพียง 14 ยูนิตเท่านั้น โดยเตรียมเปิดขายในไตรมาส 2 ของปีนี้ นอกจากนี้ แสนสิริยังเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่อีก 3 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 12,200 ล้านบาท ในปีนี้ ได้แก่ XT ห้วยขวาง, ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ รังสิต และเอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
“Speed to Market” เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้แสนสิริผ่านปี 2563 มาได้ด้วยกระแสเงินสดที่มีเพียงพอที่จะรับมือทุกสถานการณ์ ในปี 2564 เรายังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์นี้ เพื่อแข่งกับสภาพตลาดภายใต้ความพร้อมในการปรับตัวที่รวดเร็วตลอดเวลา อันจะส่งผลให้แสนสิริมี Cash flow ที่ดีต่อเนื่อง รวมถึงการวางแผนพัฒนาโครงการใหม่อย่างระมัดระวัง อาทิ วางแผนพัฒนาโครงการที่ไซส์ไม่ใหญ่ แต่กระจายในหลายทำเล เพื่อ Inventory ที่เหมาะสมและได้ cash กลับมาเร็ว การคำนึงถึงการมีสภาพคล่องที่ดี มี Gearing
หนี้สินที่อยู่ในระดับ controllable รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร ด้วยการวางแผนการทำงานของคนในองค์กรอย่างเต็มประสิทธิภาพและให้โอกาสเติบโตอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของแสนสิริ ยังมาจากความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนที่ดีต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดโอนต่างชาติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสร้างยอดโอนได้กว่า 15,000 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้ บริษัทวางเป้ายอดโอนจากตลาดต่างชาติ ไว้ที่3,000 ล้านบาท จากการเริ่มโอนโครงการใหม่ ได้แก่ XT ห้วยขวาง และ เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง