‘วัคซีนพาสปอร์ต’  เปิดทาง อีลิท การ์ด  ขายคอนโดหรู ต่างชาติ 

13 มี.ค. 2564 | 05:35 น.

เช็กสัญญาณ 12 อสังหาฯ โหมโรง ลุ้น “วัคซีนพาสปอร์ต” ผลักฝันขาย-โอนกรรมสิทธิ์ โครงการหรูพร้อมอยู่ 10 ล้านอัพทั่วกรุง-เมืองท่องเที่ยว ให้นักลงทุนต่างชาติกำลังซื้อสูง ผ่านลง MOU เข้าร่วม อิลีท การ์ด โปรแกรม “อีลิท เฟล็กซิเบิล วัน” พ่วงวีซ่า 5 ปี รอทะลัก 50 โครงการ

 

หากแผนการออกนโยบาย “วัคซีนพาสปอร์ต” หรือหนังสือเดินทาง เพื่อใช้รับรองการปลอดเชื้อโควิด-19 การันตีีต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้ พร้อมลดวันกักตัวเหลือแค่ 7 วัน หลังได้รับวัคซีนจากประเทศต้นทางครบโดส  คือ ความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยรอบใหม่ หลังเอกชนเห็นพ้อง ตลาดหุ้นตอบรับ ว่าอาจเป็นสัญญาณดี ช่วยปลุกชีพการท่องเที่ยวและดันเศรษฐกิจไทย ให้หายใจได้อีกครั้งนั้น 

สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว แนวคิดดังกล่าว ถือเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดทางดึงตลาดลูกค้าต่างชาติให้กลับมา โดยเฉพาะการผลักให้โปรแกรมพิเศษ
อีลิท การ์ด ประเภท  “อีลิท เฟล็กซิเบิล วัน” (Elite Flexible One) ระยะเวลา 2 ปี ( 1 ม.ค. 2564-31 ธ.ค.2565) ให้วีซ่าต่างชาติ แบบเข้า-ออกประเทศหลายครั้ง ในระยะเวลา 5 ปี สําหรับ ผู้ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่ารวม 10 ล้านบาทในไทย เป็นรูปเป็นร่างเห็นผลมากขึ้น ปลุกชีพตลาดอสังหาฯ ผ่านการลงทุนในคอนโดฯหรู-ตลาดบ้านหลัง 2 ในกรุงเทพ และ เมืองท่องเที่ยว จากต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง อย่างน้อย100 ราย เม็ดเงินเกิดขึ้นมากกว่า 1 พันล้านบาท 

ลุ้นเปิดประเทศ ฟื้นกำลังซื้อต่างชาติ

ขณะที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความน่าสนใจของอสังหาฯ ไทยในสายตาชาวต่างชาติมีมาก ตั้งแต่ราคาที่น่าดึงดูด หลังวิกฤติโควิด ซึ่งหลายบริษัทเคาะราคาขายลง ช่วยสร้างความคุ้มค่า-ผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ ประกอบกับศักยภาพไทย จากความพร้อมด้านสาธารณสุข เป้าหมายใหม่ของธุรกิจทั่วโลก ยิ่งหนุนให้ชาวต่างชาติมีความต้องการ ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะชาวจีนที่คาดจะกลับมาอย่างมหาศาล และเป็นความหวังของการระบายสต็อกค้างเก่าอีกครั้ง  

การขยายเงื่อนไข โปรแกรมพิเศษดังกล่าว โดยทาง บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ที่อนุญาตไปถึงสิทธิครอบครองอสังหาฯแบบสัญญาเช่า หรือ Leasehold ได้ ตลอดจนรวมโครงการที่ถูกซื้อกิจการ  และอนุญาตให้การซื้อดาวน์ นับตั้งแต่ 1 มี.ค. 2563 แต่ ยังไม่ได้โอน ให้อยู่ในสิทธิ์เช่นกัน ได้เพิ่มความน่าสนใจให้กับช่องทางการขายใหม่ไม่น้อย 

จนปัจจุบัน มีผู้ประกอบการอสังหาฯ นับรวม 12 ราย ลง MOU เป็นพันธมิตรร่วม รวมจำนวนทั้งสิ้น 50 โครงการ จากผู้ประกอบการรายใหญ่ และผู้เล่นในตลาดหรู ได้แก่ ไรมอนแลนด์, เอพี, แสนสิริ, ออริจิ้น, อนันดา,ไซมิส,วรลักษณ์,เสนา,ชาญอิสสระ,888 ทองหล่อ,แกรนด์ ยูนิตี้ และนายณ์ เอสเตท 

แม้จะเป็นการเพิ่มต้นทุนในการขาย แต่พบผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ก็ยอมออกหน้า จ่ายค่าธรรมเนียมสมัครบัตรดังกล่าว ที่เริ่มต้นถึง 5 แสนบาทแทนลูกค้า เพื่อแลกกับรายได้ที่จะเกิดขึ้นตามมาในสภาวะแบบนี้

“ฐานเศรษฐกิจ” เช็กสัญญาณความพร้อมผู้ประกอบการ 3 ราย พบความคาดหวังมีสูง ว่าการเปิดทางให้ต่างชาติเข้าไทยในระยะเอื้อมถึง จะช่วยให้การขายโครงการได้เร็วขึ้น  

สำหรับ บมจ.ชาญอิสสระ ที่มีอสังหาฯ อยู่ในโครงการนำร่อง Villa Quarantine ผ่านการเปิดโรงแรมศรีพันวา เป็นที่กักตัว 70 นักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูง ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์แบบผ่านฉลุยยิ่งเรียกความน่าสนใจนั้นปัจจุบันได้ นำ 4 โครงการหรู เข้าร่วม เช่น ดิ อิสสระ เชียงใหม่,บาบา บีช คลับ เรสซิเดนซ์ นาใต้ ฯล 

โดยนายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เผยว่า มาตรการวัคซีนพาสปอร์ต จะช่วยหนุนให้ชาวต่างชาติ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น หลังไทยยังสามารถจำกัดวงการแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับพื้นที่ ควบคุมสถานการณ์ได้ดี ซึ่งนับเป็นประเทศที่มีความพร้อม ต่อการรับมือโรคระบาดดีที่สุดในโลก 

“การให้สิทธิประโยชน์รองรับกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง เชื่อว่าจะช่วยดึงดูดความสนใจต่อการเข้ามาพักผ่อนในระยะยาว และการซื้ออสังหาฯ”

ด้านบมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ซึ่งส่งถึง 8 โครงการเข้าร่วม ในกลุ่มคอนโดฯ แบรนด์ Life และ Aspire หลายทำเล เช่น พระราม9 อ่อนนุช และอโศก  โดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เผยข่าวดี ว่าขณะนี้ มีนักธุรกิจชาวต่างชาติ สอบถามเข้ามาเป็นระยะๆ ถึงโปรแกรมพิเศษดังกล่าว 

แต่แม้ปัจจุบันการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกไปแล้วกว่า 300 ล้านโดส รวมถึงภาพรวมการติดเชื้อในอัตราที่ลดลงไปบ้าง แต่สถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศก็ยังคงเป็นปัญหาหลัก “แนวคิดวัคซีนพาสปอร์ตน่าจะมีส่วนสร้างให้เกิดความรู้สึก ทางบวกที่กระตุ้นการลงทุนอสังหาฯ โดยเฉพาะชาวจีนที่ยังคงให้ความสนใจลงทุนในตลาดคอนโดเซ็กเมนต์กลางบนใจกลางกรุงเทพฯ”

ขณะนายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งนับเป็นบริษัทที่นำโครงการเข้าร่วมสูงสุด 14 โครงการ เช่น พาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ และ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช  นั้น กล่าวว่า แม้ปัจจุบันบริษัทยังสามารถสร้างยอดขายได้ดีจากตลาดผู้ซื้อในประเทศ ส่วนตลาดต่างชาติ ปกติจะมียอดขาย ราว 3-4 พันล้านบาท แต่หวังว่าการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะช่วยเสริมให้ยังคงรักษาระดับยอดขายในส่วนนี้ได้ แม้ในภาวะที่ต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้อย่างสมบูรณ์

“วัคซีนพาสปอร์ตน่าจะส่งผลดีทางตรงต่อตลาด จากการสร้างความเชื่อมั่นภายในประเทศ” 

ทั้งนี้ ข้อมูลของ “คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล” เผยว่า ปัจจุบันเฉพาะคอนโดกลางกรุงเทพฯ ระดับราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวนหน่วยเหลือขายอยู่ที่ราว 4,600  หน่วย ซึ่งกระจายตัวอยู่ในทำเลย่านสุขุมวิท สีลม สาทร เพลินจิต ชิดลม โดยนับเป็นตลาดที่แคบ และกำลังซื้อสำคัญ คือ ชาวต่างชาติ

 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41  ฉบับที่ 3,661 วันที่ 14 - 17 มีนาคม พ.ศ. 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง