โควิด19 กระทบสมดุลตลาดอสังหาริมทรัพย์ กำลังซื้ออ่อนแรง ไม่คุ้มลงทุนใหญ่ ผู้ประกอบการรายเล็ก “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” เคาะทางรอด เดินหน้ากลยุทธ์ Turnkey Asset Development-ร่วมทุนพันธมิตร จับมือกลุ่มเศรษฐีดังพัฒนาโครงการแนวราบ เจาะกลุ่มลูกค้า “ยูนีค” รวยทรัพย์ มีความต้องการเฉพาะ จ่อผุด 2 โครงการบ้านหรูกลางกรุงเทพฯ ขณะ 2 ผู้บริหารหนุ่ม นายขวัญชัย เจริญยิ่งถาวรชัย และชยพล หรรรุ่งโรจน์ สะท้อนมุมมอง วันนี้ “โปรดักต์” เป็นเรื่องสำคัญ งานต้องละเอียด ฉวยโอกาสเจ้าของที่ดิน-กลุ่มทุนขาดมืออาชีพช่วยดัน ผลักเพิ่มยอดขายในมือสู้โควิด คาดปิดยอดขายปลายปีนี้ ตามเป้าหมาย 2,015 ล้านบาท รับรู้รายได้-สต๊อกเพื่อขาย ทะลัก 7 พันล้าน
อสังหาฯ โตต่ำ
นายขวัญชัย คาดการณ์ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ว่า หากย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกัน เรามองสถานการณ์โควิด 19 ของ ปี 2564 ว่าน่าจะคลี่คลาย ผลักดันให้ทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนกลับมาเป็นบวก แต่ทั้งนี้สมมติฐานนั้นผิดคาด เราได้กลับมาเผชิญกับการระบาดครั้งใหม่ของโควิดระลอก 2 และ 3 ฉะนั้น อาจทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยของปีนี้ อาจไม่ดีนัก หรือจะโตได้ก็คงไม่ถึง 10% แต่อย่างไรก็ตาม ในหมู่ผู้ประกอบการมีความคาดหวัง ถึงนโยบายกระตุ้นรอบใหม่ ที่อยู่ระหว่างการผลักดันของสมาคมอสังหาริมทรัพย์ ถึงแนวคิดที่รัฐกำลังวางกรอบเปิดขยายสิทธิ์ให้กับลูกค้าต่างชาติ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะกลายเป็นแรงบวก เสริมกำลังให้กับภาคอสังหาฯไทยได้อย่างมาก
เนื้อหอมเจ้าของที่รุมจีบ
สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คงยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง และอาศัยกลยุทธ์ ร่วมลงทุน - ร่วมค้า ต่อเนื่องจากปี 2563 เป็นหลัก ใน 3 โมเดลสำคัญ ได้แก่ 1. การแบ่งสัดส่วนการลงทุน โดยร่วมกับเจ้าของที่ดินเป็นหลัก 2. ร่วมทุนในสัดส่วนเท่ากัน กรณีเจ้าที่ของที่ดิน มีความพร้อมเรื่องเงินทุนและ 3. บริษัทเป็นผู้รับจ้างพัฒนาโครงการให้กับเจ้าของที่ดิน โดยขนาดของโครงการที่ร่วมลงทุนนั้น จะเริ่มต้นที่ไซส์ไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ได้รับความสนใจจากเจ้าของที่ดินหลายรายเข้ามาพูดคุยเจรจา เพื่อส่งที่ดินในหลายทำเลให้ศึกษาวิเคราะห์ โดยเราจะพิจารณาจากความน่าสนใจของที่ดิน และความเหมาะสมกับโปรดักต์ที่มีความชำนาญเป็นหลัก
โดยกลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทในสภาวะนี้ได้อย่างมาก ทั้งนี้ ความแข็งแกร่งและเป้าหมาย จะถูกวางครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทมีแผนรุกตลาดบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมในระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป สานความสำเร็จจากการปิดขายโฮมออฟฟิศอย่าง อัลติจูด พรูฟ พระราม 9 ในระดับราคา 13.9-17.9 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว อัลติจูด มาสเตอรี่ พหลโยธิน ในระดับราคา 28 ล้านบาท
ลุยแนวราบกลางเมือง
ขณะนายชยพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทมีพันธมิตรร่วมทุนราว 4 รายที่มีความชัดเจนในการทำธุรกิจร่วมกัน ได้แก่ กลุ่มบิวตี้เจมส์-TQM, กลุ่มเศรษฐี 2 กลุ่ม และต่างชาติญี่ปุ่นอีก 1 ราย เกิดขึ้นจากความพร้อมของทีมงาน และแก้ Pain Point ของผู้ประกอบการรายใหม่ ที่มีเงินทุน หรือ ที่ดิน แต่ขาดมืดอาชีพในการพัฒนาโครงการ และไม่ได้รับการไว้วางใจจากสถาบันการเงินในการขอสินเชื่อ การร่วมมือกันเช่นนี้จะช่วยให้ได้รับประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย และแข่งขันกับรายใหญ่ได้ อย่างไรก็ตาม ตัวโปรดักต์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หลังจากวันนี้ผู้บริโภค เข้าถึงข้อมูลมากขึ้น มีคู่แข่งเปรียบเทียบเยอะ
ฉะนั้น บริษัทเฟ้นแค่โปรดักต์ที่เหนือตลาด ปีนี้ จึงวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ ซึ่งนอกจากจะกลับมาเปิดขาย อัลติจูด คราฟ บางนา และ อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท แล้ว ปีนี้ เตรียมเปิดเซกเมนต์ใหม่ล่าสุด 2 โครงการ คือ อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา พรีเมียมทาวน์โฮม มูลค่า 15 ล้านบาท และ อัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีมูลค่าเริ่มต้น 28 ล้านบาท หวังผลักดัน เป้าปิดยอดขายสิ้นปีที่ 2,015 ล้านบาท ขณะยอดขาย รอโอนในมือ มีราว 3 พันล้านบาทและสต๊อกรอขายอีกเกือบ 3 พันล้านบาท
ผนึกคีนน์พัฒนานวัตกรรม
อย่างไรก็ตาม 1 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน พฤติกรรมผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ปรับเปลี่ยนและเรียนรู้วิถีชีวิตแบบนาว์นอร์มอล (NOW NORMAL) มีผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการผันเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทำให้ผู้คนนิยมอยู่อาศัยในบ้านมากขึ้น และออกจากบ้านน้อยลง เพื่อลดความเสี่ยง บริษัทฯ เล็งเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญนี้จึงพัฒนาบ้าน ไฮจีนิก โฮม และคอมมูนิตี้ บ้านแห่งอนาคตเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยที่ปลอดภัยมากกว่าเดิมสำหรับทุกคน ภายใต้แนวคิด EVERYONE CAN SAFE AT HOME โดยร่วมมือกับบริษัท คีนน์ ผู้นำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม พัฒนานวัตกรรม ไฮจินิก โฮม ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยรางวัลเกียรติยศโดดเด่นในระดับอาเซียน โดยให้ อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง เป็นโครงการนำร่องในการพัฒนา และนำไปใช้กับทุกโครงการที่กำลังก่อสร้าง
อีกทั้ง คอนเซ็ปท์การออกแบบโครงการใช้หลักจิตวิทยาในการสร้างบ้าน เพื่อเจาะลูกค้ากลุ่ม “ยูนีค” (UNIQUE) เน้น 1.MIND-SPACE พื้นที่ว่างเปล่า “พื้นที่ที่ให้ทุกวินาทีมีความหมาย” และ2.พร้อมด้วยเทคโนโลยี GREENERY SPHERE เทคโนโลยีสะอาดหมุนเวียน และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอีกมากมาย
ไซส์เล็กอยู่รอด
ทั้งนี้ นายขวัญชัย กล่าวปิดท้ายว่า ในยุคโควิด สิ่งที่ตกผลึกในแผนพัฒนานั้น พบว่า ไซส์โครงการขนาดเล็ก ไม่ใหญ่มาก ยังสามารถไปได้ ขอเพียงตั้งอยู่ในทำเล 5 ดาว เพราะทุกพื้นที่มีเรียลดีมานด์แฝงอยู่ตอบรับได้ ส่วนการเปิดโครงการขนาดใหญ่ มีความเสี่ยงเกินไป ซึ่งหากแยกเป็น 2-3 โครงการในมูลค่าเท่ากัน จะช่วยให้ตลาดตอบรับดีมานด์ได้เร็วขึ้น และฟื้นตัวเร็ว ขณะธุรกิจก็ไปต่อได้ โดยเฉพาะตลาดแนวราบใจกลางเมือง ที่แทบไม่มีซัพพลายใหม่เกิดขึ้น
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,678 วันที่ 13 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564